‘สนธิรัตน์’ยัน1ต.ค.ร้านธงฟ้า5.7พันแห่ง รถโมบาย200 คัน พร้อมรูดบัตรสวัสดิการคนจน

ที่กระทรวงพาณิชย์ เวลา 17.00 น. วันที่ 20 กันยายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมการเตรียมความพร้อมการประชาสัมพันธ์โครงการบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมบัญชีกลาง กรมประชาสัมพันธ์ ธนาคารรัฐทุกแห่ง เป็นต้น ว่า ได้มีความเห็นร่วมกันให้กรมบัญชีกลางเป็นศูนย์กลางการให้ข้อมูลของโครงการสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งกรมบัญชีกลางต้องมีหน่วยงานกลาง(คอลเซ็นเตอร์) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกหน่วยงานและเปิดรับสายด่วนให้ประชาชนสามารถปรึกษาและแนะนำการใช้บัตร รวมถึงตอบปัญหาที่ผู้มีรายได้น้อยยังไม่เข้าใจ ขณะที่กรมประชาสัมพันธ์ ธนาคารของรัฐทุกแห่ง ต้องติดป้ายประชาสัมพันธ์รายละเอียดของโครงการของสาขาเครือข่าย ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะมีสาขาเครือข่ายรวมกว่า 3-4 พันแห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากที่แต่ละหน่วยงานก็จะมีการทำการประชาสัมพันธ์โครงการอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ข้อมูลในคอลเซ็นเตอร์ของกรมบัญชีกลาง เช่น จำนวนร้านธงฟ้าประชารัฐ ที่ตั้งร้านค้า จำนวนรายการสินค้า จุดให้บริการรถเคลื่อนที่ ซึ่งจัดส่งข้อมูลโดยกระทรวงพาณิชย์ ส่วนหน่วยงานอื่นๆ ก็จะจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้านต่างๆ เช่น ขั้นตอนการใช้บัตร ปัญหาติดขัดจะแก้ไขอย่างไร เป็นต้น

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ในส่วนของความคืบหน้าการคัดเลือกและติดตั้งเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์(อีดีซี) นั้น ล่าสุดติดตั้งแล้วกว่า 3,000 แห่ง จากที่ได้มีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐสมัครเข้ามาแล้ว 5,700 แห่ง คาดว่าจะติดตั้งให้ครบภายใน 1 ตุลาคม 2560 และเร่งเพิ่มจำนวนให้ครอบคลุมพื้นที่ 8,000 ตำบล พร้อมกันนี้เพื่อให้ผู้ใช้บัตรสวัสดิการได้เข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคครอบคลุมพื้นที่ทุกอำเภอทั่วประเทศ 878 อำเภอ ก็จะเสริมด้วยรถเคลื่อนที่ธงฟ้าประชารัฐ นำสินค้าอุปโภคบริโภคไปจำหน่ายซึ่งให้บริการทั้งผู้ถือบัตรสวัสดิการและประชาชนทั่วไป โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมและตรวจสอบว่ามีอำเภอใดบ้าง เบื้องต้นเตรียมไม่น้อยกว่า 200 คัน ส่วนรายการสินค้าขณะนี้มีบริษัทผู้ผลิตสินค้า 30 ราย รวมกว่า 300 รายการสินค้า เข้าร่วมโครงการแล้ว

“ต้องการให้โครงการมีความราบรื่นมากที่สุด จากนี้ก็จะมีการติดตามงานและเร่งรัดให้การดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย ซึ่งทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือ เพื่อให้สอดรับการแจกจ่ายบัตรสวัสดิการ การทำความเข้าใจ และเข้าถึงการใช้สวัสดิการได้ตามแผนงานของรัฐ จากนี้เชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าโครงการมาก เพราะเห็นถึงรายได้จากการจำหน่ายสินค้า สินค้าเข้าถึงประชาชน ซึ่งสร้างรายได้จากโครงการทั้งระบบกว่า 4 หมื่นล้านบาท” นายสนธิรัตน์กล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image