ชาวอยุธยามาตั้งแต่ตี 2 ซาบซึ้งใจได้สักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 ครั้งแรก

ณิชานันท์ (กลาง)

เมื่อวันที่ 21 กันยายน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล เป็นวันที่ 286 อาทิ องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกและองค์กรเครือข่ายและศูนย์ภาคี พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย ครอบครัวโชติกประคัลภ์และคณะ เป็นต้น

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 20 กันยายนหลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 23.09 น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอกราบสักการะพระบรมศพในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 53,391 คน รวม 322 วัน มี 10,940,193 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 5,084,397 บาท รวม 322 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 811,645,406.26 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้าสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พสกนิกรจากทั่วประเทศยังคงทยอยเดินทางมาเข้าคิวอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายทั้งจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด หลายคนเดินทางมาเข้าคิวตั้งแต่ช่วงกลางคืน ซึ่งท้ายแถวของประชาชนอยู่บริเวณหน้าศาลฎีกา โดยมีเจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกประชาชนตลอดเส้นทาง ทั้งนี้เมื่อค่ำวันที่ 20 กันยายน เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีชนะสงครามได้นำรั้วมาตั้งบริเวณถนนสนามไชยหน้าศาลฎีกาไปจนถึงกระทรวงกลาโหมเพื่อให้ประชาชนได้เข้าคิวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และยังได้ติดตั้งลำโพงตามเสาไฟต่างๆ ไว้สำหรับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพด้วย

Advertisement

นางสาวณิชานันท์ ร่มโพธิ์ชี อายุ 29 ปี และกลุ่มเพื่อนร่วมงานจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า หลังจากสำนักพระราชวังประกาศปิดไม่ให้ขึ้นสักการะพระบรมศพในหลวงร.9 จึงได้รวมตัวกับเพื่อนร่วมงานมาเข้าคิว ตั้งแต่ช่วงตี 2 และได้ขึ้นกราบสักการะพระบรมศพในช่วง 10 โมง แม้ว่าจะรอนานแต่ก็ได้เห็นพลังความรักของประชาชนมารวมอยู่ด้วยกันก็รู้สึกตื้นตัน ก่อนหน้านี้ได้แต่ไปลงนามถวายความอาลัย และประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ เมื่อได้ขึ้นไปกราบก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ขนลุกขึ้นมาทันที ที่ผ่านมามีโอกาสได้ติดตามข่าวพระราชสำนัก ศึกษาพระราชกรณียกิจของพระองค์ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ที่จังหวัดอยุธยาก็มีโครงการแก้มลิงคอยกักเก็บน้ำได้ใช้ เวลาน้ำท่วมก็ทรงช่วยเหลือมาโดยตลอดถือว่าได้รับพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างยิ่ง

นายธชต อินสูงเนิน อายุ 40 ปี อาชีพค้าขาย เดินทางมาจากจ.นครราชสีมา พร้อมด้วยภรรยา นางชญาภา วัย 43 ปี กล่าวว่า ตั้งใจว่าจะเดินทางมากราบพระบรมศพนานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสพอทราบข่าวจากทีวีจะเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพจนถึง 30 กันยายนนี้ จึงรีบเดินทางมาทันที โดยนั่งรถโดยสารประจำทางออกจากนครราชสีมาเวลา 00.40 น.มาถึงบริเวณสนามหลวงเวลา 04.00 น.ซึ่งเวลานั้นคนก็มารอต่อแถวกันมากแล้ว แต่ด้วยความตั้งใจที่จะมากราบพระบรมศพให้ได้สักครั้ง จึงไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ

Advertisement
ธชต และภรรยา

“ผมเคยเป็นทหารเรือและมีโอกาสพายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ถวายในหลวง ร.9 เมื่อปี พ.ศ.2542 ในการเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม ซึ่งเป็นครั้งเดียวที่มีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด วันนี้จึงตั้งใจมากราบส่งเสด็จพร้อมตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย และขอพรให้พระองค์ทรงคุ้มครองให้บ้านเมืองมีความสงบสุขด้วย ที่ผ่านมาพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงไม่ฟุ้งเฟ้อ ซึ่งเป็นตัวอย่างให้ผมใช้ชีวิตอย่างสมถะตามแบบพระองค์ รวมทั้งการเสียสละและทำประโยชน์แก่ส่วนรวม” นายธชต กล่าว

ด้าน นางศศิกานต์ วงศ์เสือ อายุ 53 ปี เดินทางมาจาก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พร้อมกับญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน รวม 7 คน กล่าวว่า เดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ โดยเครื่องบินแล้วแวะพักที่บ้านญาติ ก่อนจะเดินทางมาต่อแถวบริเวณท้องสนามหลวงเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ใช้เวลา 3 ชั่วโมงจึงได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพ วันนี้รู้สึกดีใจมากที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินของในหลวง ร.9 และตั้งจิตอธิษฐานว่าจะขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป เพราะที่ผ่านมาพระองค์ทรงงานเพื่อประชาชนคนไทยมาตลอด อย่างที่เชียงใหม่เองก็มีโครงการหลวงหลายแห่งที่ปลูกพืชผลทางการเกษตรเพื่อให้คนในพื้นที่รวมถึงชาวเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นางศศิกานต์กล่าว

ศศิกานต์​ (ซ้าย)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image