ครบ 11 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ขับไล่รัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร
คณะก่อการรัฐประหารครั้งนั้น ใช้ชื่อว่า คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค.
โดยมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หรือ “บิ๊กบัง” ผบ.ทบ. เป็นหัวหน้า
ภายหลังแปรสภาพเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.
การรัฐประหารครั้งนั้น อ้างเหตุ 4 ข้อด้วยกัน อาทิ การบริหารงานของรัฐบาลมีการคอร์รัปชั่น สร้างความแตกแยกให้แก่คนในชาติ รัฐบาลแทรกแซงองค์กรอิสระ ฯลฯ
เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 พล.อ.สนธิ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษมติชนรายวัน มีคำถามข้อหนึ่งถามว่า การรัฐประหารเมื่อปี 2549 ถือว่าเสียของหรือไม่
พล.อ.สนธิ ตอบว่า
“การรัฐประหารเมื่อปี 2549 ทาง คมช. ได้อยู่ดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยเพียง 14 วัน ก่อนจะส่งต่อให้รัฐบาลได้ดำเนินการบริหารประเทศต่อ ทาง คมช.ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหาร การทำงานต่อเลย ส่วนจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จนั้น คมช.ไม่สามารถควบคุมรัฐบาลในขณะนั้นได้ ดังนั้นจึงมีความแตกต่างกับการรัฐประหารของ คสช. ที่หัวหน้า คสช.เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเอง เป็นผู้นำในการบริหารประเทศอีกด้วย การจะทำให้เสียของหรือไม่เสียของนั้นจึงขึ้นอยู่กับ คสช.ว่าจะดำเนินการตามโรดแมปได้สำเร็จหรือไม่”
รัฐประหารครั้งนั้น พล.อ.สนธิ เชิญ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งระหว่าง 1 ตุลาคม พ.ศ.2549-29 มกราคม พ.ศ.2551
เรียกว่า พอร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เสร็จ ทำประชามติเรียบร้อย จัดเลือกตั้ง ก็คืนอำนาจกันไปในเวลาปีเศษๆ นั้นเอง
โดยมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นปลายปี 2550 นั่นคือกรณีเขายายเที่ยง ซึ่งในที่สุด พล.อ.สุรยุทธ์ คืนให้ทางราชการ และอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากไม่มีเจตนาบุกรุก
การเลือกตั้งทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ 2550 มีขึ้นในเดือนธันวาคม 2550
พรรคพลังประชาชนอันเป็นเครือข่ายพรรคไทยรักไทยของนายทักษิณ ชินวัตร ได้รับเลือกเข้ามา 233 ที่นั่ง จาก 480 ที่นั่งของสภาผู้แทนฯ ส่วน ปชป.เข้ามา 165 ที่นั่ง
ทำให้พรรคพลังประชาชนได้จัดรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี
จากปี 2551 เป็นต้นมา คือวิกฤตการเมืองที่กินเวลายาวนานมาจนปัจจุบัน
ฝ่ายหนึ่ง สรุปว่า รัฐประหาร 2549 แก้ปัญหาไม่ได้ และต่อต้านการแก้ปัญหาทางการเมืองด้วยวิธีดังกล่าว
อีกฝ่ายหนึ่ง สรุปคล้ายกันว่า รัฐประหาร 2549 แก้ปัญหาไม่ได้ “เสียของ” ต้องล้างตากันอีกรอบ
แรงสะเทือนจากเมื่อ 11 ปีก่อน ยังไม่สูญหายไปไหน !!
………………….
วรศักดิ์ ประยูรศุข
