ผู้สื่อข่าวรายงานจากประเทศญี่ปุ่นว่า เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่โตเกียว บิ๊กไซท์ กรุงโตเกียว นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ให้สัมภาษณ์ขณะร่วมงานทัวร์ลิสซึ่ม เอ็กซ์โปร เจแปน 2017 ว่า ททท. ยังให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เพราะถือว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการใช้จ่าย และในโอกาสความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับญี่ปุ่นครบรอบ 130 ปี ททท. จะเน้นทำการตลาด โดยบุกตลาดนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง หรือเอฟไอทีมากขึ้น ผ่านกิจกรรมใหม่ๆ ที่สร้างความหลากหลาย เป็นทางเลือกจูงใจให้กับนักท่องเที่ยว หลังพบว่าปัจจุบันสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยซ้ำ หรือรีพีทเตอร์ ยังคงมีสัดส่วนสูงถึง 77% ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามาเที่ยวบ่อย แต่เราไม่มีกิจกรรมทางเลือกใหม่ๆ ในอนาคตโอกาสที่กลุ่มนี้ลดลงไปก็จะมี และจะกระทบต่อภาพรวมการท่องเที่ยวด้วย
“ต้องยอมรับว่า ตอนนี้ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวมีอยู่สูง เพราะนอกจากการแข่งขันของประเทศคู่แข่งมีความรุนแรงมากขึ้น เช่น ฟิลิปปินส์จะโชว์ความโดดเด่นในเรื่องของชายหาด ทะเล หรืออย่างเวียดนามจะดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ไปลงทุนในเวียดนามพร้อมครอบครัวแล้ว ยังมีเรื่องรัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น จึงถือเป็นโจทย์ท้าทายสำหรับการทำตลาดในยุคปัจจุบัน ล่าสุด ททท. ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยว ประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Association of Travel Agents (JATA) ทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้คนญี่ปุ่นไปเที่ยวไทย ด้วยการจัด 6 เส้นทางท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนญี่ปุ่น เพื่อให้เดินทางไปเที่ยวไทยเรื่อยๆ เช่น จัดเส้นทางประกวดถ่ายภาพสวย, เส้นทางผู้หญิงผ่านการนำเสนอใช้บริการสปา อโรม่าต่างๆ หรืออย่างปลายปีทางจากแต่กว่าจะไปดูเส้นทางดอกไม้เพื่อนำมาเป็นข้อสรุปจัดเป็นแพ็คเกจขายให้กับนักท่องเที่ยว”
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในปี 2561 ททท.เตรียมแผนกลยุทธ์เจาะตลาดดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยการเอาสินค้าท่องเที่ยวไทยที่มีปัจจุบัน มาปรับเพิ่มรายละเอียดให้ลึกซึ้งขึ้น เพื่อเรียกมูลค่าของสินค้าให้มีความหลากหลาย ภายใต้ชื่อแคมเปญ “โอเพ่น ทู เดอะนิวส์ เชด ออฟ ไทยแลนด์” เบื้องต้น มีสินค้านำร่องเช่น ส้มตำดอกไม้ เมี่ยงใบบัว ซึ่งถือเป็นของดั้งเดิมที่เกิดจากประเทศไทยแท้ๆ คาดว่าจะช่วยจูงใจนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น และตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในภาพรวมได้ โดยเฉพาะ กลุ่มรีพีทเตอร์ ที่มีสัดส่วนกว่า 65% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด และทำให้รายได้ในภาพรวมในปีหน้าถึง 3.03 ล้านล้านบาทจากปี 2560 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 2.76 ล้านล้านบาท
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ปีนี้ ททท. ตั้งเป้าจะมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นไปเที่ยวไทยเกิน 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.4 ล้านคน โดยยอดนักท่องเที่ยวถึงกลางเดือนกันยายนมีคนญี่ปุ่นมาเที่ยวไทยแล้วกว่า 1.1 ล้านคนหรือเพิ่มขึ้น 6.24% ขณะที่รายได้ คาดว่าจะอยู่ที่ 6.7 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะอยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาทในปี 2561 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น ททท. ต้องการให้นักท่องเที่ยวกลับมาไม่ต่ำกว่า 1.6 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติที่เคยได้สูงสุดเมื่อปี 2556 ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้นักท่องเที่ยวคุณภาพมากยิ่งขึ้น
