รองโฆษกปชป. โต้ “เต้น” แทน “มาร์ค” นำหลักฐานคำสัมภาษณ์ “ณัฐวุฒิ” หนุน กม.นิรโทษกรรม นำ”แม้ว”กลับบ้าน หลังอ้างคัดค้านแค่ไม่ได้เดินขบวน ชี้หลอกลวง ปชช. ยัน ปชป.ไม่ได้เปิดประตูให้ทหาร โบ้ย เพื่อไทยคือผู้สร้างเงื่อนไขจนเกิดรัฐประหาร
เมื่อวันที่ 21 กันยายน นายราเมศ รัตนเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) แถลงตอบโต้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ที่กล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคปปชป.ว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมนายณัฐวุฒิ จึงเพิ่งเคลื่อนไหวเรื่องการสลายชุมนุมปี 53 แต่ไม่คัดค้านการนิรโทษกรรม ล้วนแต่เป็นเรื่องจริง แต่นายณัฐวุฒิกลับพาดพิงด้วยข้อความเท็จหลายประเด็นคือ1.บอกว่าไม่เคยเห็นด้วยกับกฎหมายนิรโทษกรรม ทั้งที่พยานหลักฐานชัดเจนว่านายณัฐวุฒิและพวกสนับสนุนกฎหมายนิรโทษกรรมด้วยการให้สัมภาษณ์หลายครั้งในการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม และยังระบุด้วยว่าเห็นด้วยกับการล้างผิดให้กับผลพวงรัฐประหารปี 2549 เพราะจะเรียกร้องให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกลับบ้าน แสดงให้เห็นว่านายณัฐวุฒิ เป็นนักการเมืองที่ปลิ้นปล้อน หลอกลวงประชาชน
นายราเมศ กล่าวต่อว่า 2. นายณัฐวุฒิ อ้างว่าที่ไม่ได้ไปเดินขบวนต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมเพราะรู้ว่าเป็นการเปิดประตูให้กับการรัฐประหาร เป็นความเท็จ เพราะนายณัฐวุฒิและพรรคเพื่อไทย(พท.) จะคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมที่พรรคพท.เป็นผู้เสนอและใช้เสียงข้างมากให้ความเห็นชอบได้อย่างไร เพราะเป็นกฎหมายล้างผิดให้คนเผาเมืองและทุจริตต่องบประมาณแผ่นดิน โดยตนมีหลักฐานทั้งหมดว่าใครเป็นคนเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ส่วนการกล่าวหาในทำนองว่าพรรคปชป.เป็นผู้เปิดประตูให้มีการรัฐประหารก็เป็นเท็จ เพราะการชุมนุมของ กปปส.เป็นเรื่องของประชาชนที่คัดค้านการกระทำที่ไม่ชอบธรรมของรัฐบาลไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พรรคพท.เป็นผู้สร้างเงื่อนไขให้ประเทศเกิดความวุ่นวายจนนำไปสู่การรัฐประหาร เนื่องจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอ้างประชาธิปไตยแต่ไม่เคยยึดหลักประชาธิปไตย ออกนโยบายเพื่อวางแผนการทุจริต หลักฐานสำคัญที่สุดมีการคบคิดออกนโยบายทุจริตคือโครงการรับจำนำข้าว จากคำพิพากษาของศาลฎีกาฯที่ระบุว่าเป็นการวางแผนเพื่อทุจริตงบประมาณ และยังมีการบริหารราชการแบบเลือกปฏิบัติ พัฒนาจังหวัดที่เลือกตัวเองก่อน ไม่เคยเคารพกฎหมาย ใช้อำนาจกลั่นแกล้งผู้อื่น ไม่เคยยอมรับอำนาจตุลาการ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
นายราเมศ กล่าวอีกว่า 3. การบอยคอตการเลือกตั้ง เป็นเพราะพรรคพท.ทำให้ระบอบการเมืองล้มเหลว ฉะนั้นการลงเลือกตั้งเพื่อต่ออายุการเมือง ต่ออายุระบบที่ล้มเหลวจะตอบโจทย์ประเทศไม่ได้ พรรคปชป.จึงไม่ส่งคนลงเลือกตั้ง โดยไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการบอยคอตเลือกตั้งทั้งสิ้น 4. กรณีกล่าวหานายอภิสิทธิ์ รับตำแหน่งในค่ายทหารก็เป็นเท็จเพราะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา ไม่ทราบว่านายณัฐวุฒิ หายหัวไปไหน เพราะนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีในรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยพรรคพท.ส่งพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ลงแข่งแต่แพ้ 5. นายณัฐวุฒิ กล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ ใช้กระสุนจริงสั่งฆ่าประชาชน ก็เป็นความเท็จ เนื่องจากการใช้อาวุธของทหารเป็นไปเพื่อรักษาความสงบ ต้องถามว่ามีใครต้องการใช้ชีวิตของพี่น้องเสื้อแดงมาเป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งมีหลักฐานปรากฏจากกรณีชายชุดดำ
นายราเมศ กล่าวต่อว่า และ 6. มีการบิดเบือนว่าศาลฎีกาพิพากษาว่านายอภิสิทธิ์ สั่งให้ฆ่าประชาชน โดยมีคำพิพากษาของศาลว่ามีหลายเหตุการณ์ที่ตายเพราะเจ้าหน้าที่ ทั้ง ๆ ที่ในคำพิพากษาศาลฎีกาไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องข้อเท็จจริง วินิจฉัยเพียงปัญหาข้อกฎหมายว่าเป็นอำนาจการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริจแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เท่านั้น และป.ป.ช.ก็มีมติไปแล้วว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯไม่มีความผิด จึงมีความพยายามบิดเบือนคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งตนจะดูช่องทางในการดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิที่บิดเบือนคำพิพากษาต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่า พรรคปชป. สนับสนุนการค้นหาความจริง แต่อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ฝ่ายตนเองได้ประโยชน์
