สงครามศาสนา โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

กรณีจับสึกพระรูปหนึ่ง ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในประเด็นสาเหตุว่า น่าจะมาจากพฤติกรรมที่กระทบต่อความมั่นคง ก่อความขัดแย้งด้านศาสนาอย่างรุนแรง โดยมักแสดงแนวคิดอันสุดโต่งด้านศาสนา ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียอยู่เสมอๆ

ประมาณว่า ออกแนวก้าวร้าวถึงขั้นพร้อมจะก่อสงครามศาสนากันเลยทีเดียว

ถึงขนาดที่ตำรวจกองปราบฯ เดินทางไปนิมนต์จากวัดแห่งหนึ่งในภาคใต้ เพื่อมาสอบสวนบันทึกปากคำ แล้วนำตัวไปลาสิกขาที่วัดต้นสังกัดใน กทม.

แสดงให้เห็นว่า ฝ่ายความมั่นคงเห็นถึงปัญหาที่ไม่ควรปล่อยให้ลุกลามบานปลาย จากแค่กลุ่มความคิดสุดขั้วซึ่งไม่น่าจะเป็นกลุ่มใหญ่โตอะไร ควรเร่งตัดไฟแต่ต้นลมอะไรทำนองนั้น

Advertisement

อันที่จริงแล้วหลักของทุกศาสนา ล้วนมีจุดมุ่งหมายเหมือนกันคือ มุ่งให้การดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคม อยู่กับความสงบ ความดีงาม ยึดความดีมีศีลธรรม ไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น

ในทางปฏิบัติ ไม่ว่าเราจะเดินเข้าไปยังวัดวาอาราม มัสยิด โบสถ์คริสต์ หรือศาสนสถานใด ย่อมได้สัมผัสบรรยากาศแห่งความสงบร่มรื่น ส่งผลต่อจิตใจของเราทุกคนให้เยือกเย็น ลดความร้อนรุ่มลงไป

นักบวชซึ่งเป็นผู้สืบทอดศาสนา ก็ต้องอยู่ในท่วงทำนองเดียวกันนี้

Advertisement

ความคิดเห็นที่แตกต่างมีได้อย่างแน่นอน แต่ต้องแสดงออกด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นพระ

ต้องแสดงความเห็นภายใต้หลักธรรมะ ไม่ใช่ยุยงให้เดือดพล่าน

เหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่ใช่จู่ๆ เพิ่งเกิดขึ้นในช่วง 5 ปี 10 ปี นี้

แต่ต่อเนื่องมายาวนานเกือบร้อยปี จึงควรศึกษาประวัติศาสตร์ความขัดแย้งที่ฝักรากมาแต่อดีตด้วย

ไม่ควรมองปรากฏการณ์เฉพาะหน้า เอาแค่ผลกระทบที่เกิดกับชีวิตและความปลอดภัยของพระสงฆ์ในพื้นที่ไฟใต้ มาเป็นบทสรุปแล้วโต้ตอบ ด้วยการแสดงออกดุดันรุนแรงอย่างเหมารวมกับศาสนาอื่น

เพราะผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดใต้ ไม่ใช่ตัวแทนของศาสนาใดทั้งหมด

แน่นอนว่าปมปัญหาใน 3 จังหวัด เกี่ยวข้องกับความไม่เป็นธรรม ในเรื่องเชื้อชาติและศาสนา จึงทำให้คนสุดโต่งส่วนหนึ่งในพื้นที่ เลือกตอบโต้ฝ่ายรัฐด้วยวิธีก่อการร้าย ก็ไม่ได้หมายความว่าคนทั้ง 3-4 จังหวัดนั้น เป็นผู้ก่อความไม่สงบไปทั้งหมด

สำคัญสุดต้องเรียนรู้ว่า การแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับปมความไม่เป็นธรรม ไม่อาจยุติได้ด้วยการสู้รบ สงคราม หรือด้วยความคิดตื้นๆ ที่ต้องการกวาดล้างขับไล่ให้ออกไปพ้นจากผืนดินไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ไม่รู้จักประวัติศาสตร์ความเป็นมาของถิ่นฐานผู้คนในแถบนี้

คนในจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะใน กทม.นี่เอง มักเห็นอยู่บ่อยๆ แสดงความโกรธแค้นต่อเหตุการณ์รุนแรงใน 3 จังหวัดใต้อย่างผิดๆ เสมอๆ เพราะไม่ยอมสนใจเรียนรู้ถึงปัญหาที่แท้จริง

แต่ที่ควรต้องเรียกร้องมากกว่าก็คือ รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง

ทุกวันนี้ไม่ได้แก้ปัญหาถูกจุด เหตุการณ์จึงยังคงรุนแรงไม่สิ้นสุด เกิดความสูญเสียต่อชีวิตตำรวจทหาร ชาวบ้าน และพระ

ก็นำมาซึ่งความโกรธแค้นของมวลชนสุดโต่งอีกฟาก แล้วกลายเป็นการแสดงออกที่ยิ่งโหมไฟให้ลุกโชนมากขึ้นไปอีก

อันที่จริง กรณีเรือเหาะ กรณีจีที 200 ได้อธิบายอะไรต่อมิอะไรได้ไม่น้อยว่า กำลังทำอะไรกันอยู่ในสถานการณ์ไฟใต้

……………..

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image