สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอแผนการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาในรอบ 3 ทศวรรษ เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา โดยเรียกร้องให้มีการหั่นภาษีสำหรับชาวอเมริกันส่วนใหญ่ แต่กลับเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า แผนการดังกล่าวเอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและคนรวย และอาจทำให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นอีกราว 20 ล้านล้านดอลลาร์
ข้อเสนอดังกล่าวเรียกเสียงตอบรับในเชิงกังขาอย่างฉับพลันทันใดจากนายบ็อบ คอร์เกอร์ แกนนำพรรครีพับลิกัน “สายเหยี่ยวด้านการคลัง” ที่ประกาศกร้าวว่าจะไม่ลงมติรับรองร่างกฎหมายภาษีใดๆ ก็ตามที่นำเงินจากการกู้ยืมมาใช้จ่าย
ด้านนายทรัมป์กล่าวว่าแผนการทางภาษีของเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือคนทำงาน สร้างงาน และทำให้ประมวลรัษฎากรง่ายและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น แต่ร่างกฎหมายภาษีฉบับนี้ต้องเผชิญกับศึกหนักในสภาคองเกรสของสหรัฐจากการที่พรรครีพับลิกันของนายทรัมป์เองมีความคิดเห็นแตกแยกและพรรคเดโมแครตแสดงท่าทีคัดค้าน
แผนการดังกล่าวจะลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัททั้งขนาดใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ลดอัตราภาษีสำหรับคนรวยชาวอเมริกัน และยกเลิกการยกเว้นภาษีหลายรายการที่ได้รับความนิยม
ทั้งนี้ ร่างแผนภาษีฉบับนี้ผ่านการหารือเป็นเวลาหลายเดือนระหว่างผู้ช่วยของนายทรัมป์และแกนนำพรรครีพับลิกัน อย่างไรก็ดี ร่างฉบับดังกล่าวยังคงไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดวิธีการที่จะไม่ทำให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นอีก 20 ล้านล้านดอลลาร์
