วันที่ 28 กันยายน นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ตรวจการพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในป้อมมหากาฬ โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักการโยธา เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายจักกพันธุ์ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจการพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในป้อมมหากาฬ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดและสวยงาม โดยสำนักการโยธาได้ดำเนินการปรับพื้นที่บริเวณภายในป้อมมหากาฬ รวมทั้งเกลี่ยพื้นดินตรงบริเวณที่เป็นหลุมเป็นบ่อให้ราบเรียบสม่ำเสมอ และเทหินคลุกพร้อมทั้งบดอัดหินคลุกให้แน่นหนา ขณะนี้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว สำนักสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินการตัดแต่งต้นไม้ขนาดใหญ่ โดยตัดแต่งกิ่งที่แห้งตายตลอดจนกิ่งก้านขนาดใหญ่ที่อาจหักโค่นลงมา ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากพายุฝน และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน สำนักงานเขตพระนครได้ดำเนินการพัฒนาทำความสะอาด จัดเก็บขยะมูลฝอย กำจัดวัชพืชและต้นไม้ที่ขึ้นบริเวณกำแพง ขณะนี้การปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในป้อมมหากาฬโดยภาพรวมมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในอนาคตบริเวณนี้จะปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ เพื่อเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มีสถานที่พักผ่อนและมีพื้นที่ใช้สอยต่อไป
วันเดียวกัน นายศักดิ์ชัย บุญมา รองผู้อำนวยการสำนักผังเมือง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณป้อมมหากาฬว่า ภายหลังที่ชาวชุมชนป้อมมหากาฬให้ความร่วมมือกับกทม. รื้อย้ายบ้านในป้อมมหากาฬ 12 หลัง ขณะนี้เหลือบ้านอีก 3 หลัง ที่อยู่ระหว่างรื้อถอน ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน อย่างไรก็ตาม ภายหลังการรื้อย้ายบ้าน 12 หลังดังกล่าวแล้ว ยังคงเหลือบ้านอยู่ในพื้นที่ปัอมมหากาฬอีก 18 หลัง ซึ่งชาวชุมชนได้เสนอให้กทม.อนุรักษ์ไว้ทั้งหมด กรณีนี้ คณะผู้บริหารได้มอบหมายให้สำนักผังเมือง พิจารณาว่าจะอนุรักษ์บ้านทั้ง 18 หลังนี้อย่างไรหรือจะอนุรักษ์บ้านทั้งหมดที่เสนอมาหรือไม่ คาดว่าภายในเดือนตุลาคมจะได้ข้อสรุป เบื้องต้น ประเด็นในการพิจารณาบ้านอนุรักษ์ของสำนักผังเมือง อาทิ โครงสร้างบ้านมีความมั่นคงแข็งแรงหรือไม่ จะต้องซ่อมแซมมากน้อยเพียงใด ใช้งบประมาณเท่าไหร่ ความจำเป็นในการอนุรักษ์ ที่สำคัญการอนุรักษ์บ้านไว้ในพื้นที่ป้อมมหากาฬจะต้องไม่มีผู้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น
