Kingsman ภาคสอง สนุก ดูเพลิน ดูมัน

Kingsman ภาคสอง สนุก ดูเพลิน ดูมัน

Kingsman ภาคสอง สนุก ดูเพลิน ดูมัน

บางครั้งคนเราก็ต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเอง แมทธิว วอห์น เคยพูดว่า “การทำหนังภาคต่อ เท่ากับเป็นการทำลายแนวคิดดั้งเดิมของหนัง หนังภาคต่อเป็นโรคระบาดที่ผมไม่อยากไปติดเชื้อมา”

วอห์น เคยกำกับหนัง Kick Ass (2010) และ X–Men: First Class (2011) ที่เป็นหนังแปลงมาจากการ์ตูน ทั้งสองเรื่องพิสูจน์ฝีมือเขาได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่คิดกำกับภาคต่อเพราะมีความคิดดังกล่าวข้างต้น

แต่สำหรับ Kingsman หนังที่มีที่มาจากการ์ตูน The Secret Service ของมาร์ค มิลลาร์ และ เดฟ กิบบอนส์ ด้วยทุน 81 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ หนัง Kingsman: The Secret Service 2014 กวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 413 ล้านเหรียญดอลล่าร์ ตามด้วยเสียงชื่นชอบของคนดูต่อหนังสายลับลุคเนี้ยบ ธีมไม่เข้มข้นแบบหนัง 007 แต่ทั้งเท่ มัน กวน และเกรียน

พยัคฆ์ร้ายใส่สูทสังกัดองค์กรสายลับระดับชาติ ที่ซ่อนตัวอยู่หลังร้านตัดสูท Kingsman จึงต้องกลับมาอีกครั้ง ถือเป็นหนังภาคต่อเรื่องแรกของวอห์น จากหนังที่เขากำกับเอง เขียนบทเอง ซึ่งเขาบอกว่า “หนังภาคนี้ถือเป็นสะพานเชื่อม ถ้าเราทำสำเร็จ เราก็จะได้สร้างอีกภาค”

Advertisement

นอกจากผู้กำกับคนเดิมแล้ว คนเขียนบทยังเป็นคนเดิมคือ เจน โกลด์แมน ที่เขียนร่วมกับวอห์น ที่สำคัญได้นักแสดงนำชุดเดิม พระเอก เอ็กซี่ ยังคงเป็น ทารอน อีเกอตัน เมอร์ลิน มือประดิษฐ์อุปกรณ์ไฮเทคขององค์กร ยังเป็นมาร์ค สตรอง ที่เซอไพรส์สุดๆ คือ แฮร์รี่ หรือ กาลาฮัด (โคลิน เฟิร์ธ) ครูฝึกสายลับสุดเก๋า เจ้าของวาทะ “Manners Maketh Man” หรือ “กิริยาส่อสกุล” ที่ถูกผู้ร้ายจ่อยิงเบ้าตาตายในภาคแรก ก็ลุกขึ้นมาร่วมทีมพิทักษ์โลกในภาคนี้ แม้จะมีตาเหลือเพียงข้างเดียว

มีบทอธิบายว่าทำไมเขาถึงไม่ตาย ซึ่งดูแล้วพอรับได้ และเพื่อแก้เขินที่เอาแฮร์รี่กลับมา ชาร์ลี (เอ็ดเวิร์ด ฮอลครอฟด์) คู่แข่งเอ็กซี่สมัยทดสอบว่าจะเป็น Kingsman ได้หรือไม่ แต่ไม่ผ่านการทดสอบ และถูกเอ็กซี่จัดการไปแล้วในภาคแรก จึงยังไม่ตายและกลับมาเป็นสมุนของผู้ร้ายสำคัญเช่นกัน

ภาคนี้ฐานทัพคิงส์แมนถูกถล่มยับ โดยแก๊งค้ายาเสพติด โกลเดนเซอร์เคิล เหลือสายลับรอดชีวิตเพียงสองคนคือ เอ็กซี่และเมอร์ลิน ทั้งสองพบเบาะแสองค์กรพันธมิตรที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้ในชื่อ Statesman ที่สหรัฐอเมริกา

เครือข่ายสเตทส์แมนใช้โรงผลิตเหล้าเป็นฉากบังหน้า ขณะที่คิงส์แมนเนี้ยบ เฉียบ ผู้ดี มีชื่อตามอัศวินโต๊ะกลม ลานซล็อต กาลาฮัด เมอร์ลิน สายลับฝั่งสเตทส์แมนก็แต่งคาวบอย ใส่บูทใช้บ่วงบาศ และตั้งชื่อสายลับตามชื่อเหล้า ตั้งแต่ แชมเปญ (เจฟฟ์ บริดเจส) เตกีล่า (แชนนิ่ง ทาทัม) จินเจอร์เอล (ฮัลลี เบอร์รี่) และวิสกี้ (เปรโด ปาสคาล)

ทั้งสองค่ายจับมือกันเพื่อปกป้องโลกจากป๊อปปี้ (จูลี่แอน มัวร์) เจ้าแม่ค้ายาเสพติดโรคจิต ที่ใส่ไวรัสร้ายลงไปในยาเสพติดทุกชนิด ที่เมื่อเสพเข้าไปจะทำให้เป็นอัมพาตและตายภายในไม่กี่วัน ข้อเสนอคือ ยาถอนพิษแลกกับกฎหมายที่ระบุให้ยาเสพติดเป็นสิ่งไม่ผิดกฎหมาย สายลับ คิงส์แมนและสเตทส์แมนจึงต้องบุกรังของป๊อปปี้ เพื่อเอายาถอนพิษมาให้ได้

หนังยาวมาก สองชั่วโมงยี่สิบนาที ความจริงตัดออกบ้างก็ได้ แต่เมื่อหนังต้องการโชว์ความเจ๋งของฉากต่อสู้ ที่เทคนิคตัดต่อมีทั้งแบบรวดเร็ว ทั้งสโลโมชั่น มุขฮา กวน เกรียน ที่เป็นบุคลิกของตัวละคร เสียดสีความเวอร์ของราชวงศ์ยุโรป ความเอาแต่ได้ของอเมริกัน รวมทั้งจะล้อเลียนหนังสายลับแบบเจมส์ บอนด์ เราจึงได้เห็นตัวละครและเรื่องราวที่เยอะแยะไปหมด

เฉพาะนักแสดงที่เคยได้รางวัลออสการ์ในหนังเรื่องนี้ก็มีถึงสี่คน จูลี่แอน มัวร์ เจฟฟ์ บริดเจส โคลิน เฟิร์ธ และ ฮัลลี่ เบอร์รี่ มี แชนนิ่ง ทาทัม มาร่วมแจม แต่ภาคนี้ หนังใช้ บริดเจส เบอร์รี่ และทาทัม อย่างไม่ค่อยคุ้ม นัยว่าสามคนนี้จะมีบทหลักในภาคสาม (ถ้าได้สร้างต่อ)

เซอร์เอลตัน จอห์น โผล่มารับบทเป็นตัวเองที่ถูกป๊อปปี้ลักพาตัวมาแสดงคอนเสิร์ตให้ดูส่วนตัว ไม่มีบทนี้ก็ได้ แต่ต้องยอมรับว่าคุณป้าเป็นสีสันของหนังจริงๆ โผล่มาทีไร เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ทุกที ทั้งจริตจะก้าน ทั้งคอสตูมที่มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง ทั้งบทสนทนาที่เมื่อแฮร์รี่ถามว่า ถ้าช่วยเธอแล้วจะได้ตั๋วแถวหน้าเวลาดูคอนเสิร์ตหรือเปล่า คำตอบของเธอทำเอาคนดูหัวเราะทั้งโรง ตอบอย่างไรไปฟังเองละกัน

ฉากที่เคยมีในหนัง 007 ก็ถูกจับใส่เข้ามา เช่นฉากการต่อสู้บนกระเช้าในอากาศที่หนาวเหน็บ รถที่เปลี่ยนสภาพเป็นเรือ รวมทั้งผู้ร้ายของบอนด์ที่มีร่างกายส่วนหนึ่งเป็นอาวุธ เรื่องนี้ก็มีชาร์ลี สมุนของป๊อปปี้ที่ใช้แขนเทียมเป็นอาวุธที่ทรงอำนาจ

ถ้าใครที่ชอบภาคแรกของหนังเรื่องนี้ ก็คงจะชอบภาคนี้ การเล่าเรื่อง การปล่อยมุข การถ่ายภาพแบบลองเทค แอคชั่นเท่ๆ และมุมกล้อง ไม่ต่างกับภาคแรกมากนัก แต่ที่ชอบมากคือ ดีไซน์การต่อสู้โดยใช้บ่วงบาศของวิสกี้ เป็นฉากแอคชั่นที่เจ๋ง แปลก และน่าดูสุดๆ ไม่แพ้ลีลาของเอ็กซี่และแฮร์รี่เลย ที่ติดตาติดใจอีกอย่างคือ ชุดสูทสีส้มเจิดจ้าของเอ็กซี่ ที่เปรี้ยว เฉี่ยว เนี้ยบซะจริงๆ

นอกจากนี้ ยังมีเพลงเพราะๆ ในหนังหลายเพลง Take Me Home, Country Roads เป็นเพลงเอกของเรื่อง มีทั้งร้องและบรรเลง ซ้ำถูกเอ่ยเอื้อนโดยตัวละครที่มีบทสรุปชวนให้ใจหาย เพลง Annie’s Song, Raining In My Heart แถมด้วยลีลาการร้องและเล่นเปียโนของเอลตัน จอห์น ในเพลง Saturday Night Alright For Fighting และเพลง Rocket Man

ไปดูเถอะ สนุกดี ดูเอามัน เอาเพลิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image