คอลัมน์ โลกสองวัย : ชมงาน ศิลป์แผ่นดิน

พระที่นั่งอนันตสมาคม เปิดให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวเข้าชมถึงวันเสาร์ที่ 30 กันยายน 2560 ข้าพเจ้า (ผู้เขียน) และผู้อยู่เคียงข้างชักชวนกันไปเข้าชมทั้งพระที่นั่งอนันตสมาคมและพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ซึ่งจัดแสดงภายในพระที่นั่งมานานนับปี เพิ่งจะมีโอกาสเข้าชมเมื่อก่อนปิดการแสดงเพียงสัปดาห์เดียว

ยิ่งใกล้วันปิด คนไทยยิ่งไปเข้าชมกันมากกว่าปกติ ส่วนนักท่องเที่ยวที่มีคนจีนเป็นหลักมากเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว วันที่ไปเข้าชม ผู้คนโดยเฉพาะคนไทยล้นหลาม เข้าแถวกันยาวเหยียด

ผ่านเข้าประตูด้านหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมที่เปิดให้เข้า-ออกเพียงด้านเดียว มีเจ้าหน้าที่บอกทางให้เดินเข้าไปแล้วเลี้ยวขวา ไปตามทาง จากนั้นมิได้รับรู้อะไรอีก กระทั่งเดินเข้าไปอีกสักหน่อยเพื่อจะถามสถานที่จำหน่ายบัตร ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า อยู่ด้านโน้น พร้อมชี้มือ และบอกด้วยว่า ห้ามนำกระเป๋าและร่มเข้าไป คิดว่าตัวเองยังไม่ต้องนำกระเป๋าเป้ที่ใส่สัมภาระสะพายและร่ม รวมทั้งโทรศัพท์มือถือของทั้งสองคนไปฝากด้านใน เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่า “ตู้ฝากของมีไม่พอ” จึงตัดสินใจโทรศัพท์เรียกรถที่ไปส่งให้ย้อนกลับมารับกระเป๋าและสัมภาระคือโทรศัพท์มือถือไว้ในรถ

เดินเข้าไปอีกหน่อยหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่แจ้งอีกว่า ห้ามนำร่มกระเป๋าถือของสตรี หมวกที่สวมกันแดดเข้าไปข้างใน สุดท้ายเจ้าหน้าที่อีกคนก่อนถึงที่จำหน่ายบัตรบอกว่า ห้ามกระเป๋าถือ ยกเว้นกระเป๋าสตางค์ หมวก แว่นกันแดด ซึ่งข้าพเจ้า (ผู้เขียน) นำติดตัวเพื่อกันแดด เข้าไปด้วย ต้องนำไปฝากไว้ข้างใน

Advertisement

เอาละซี ทีนี้จะทำอย่างไร ให้รถไปหาที่จอดแล้ว เดินวนเวียนกลับไปกลับมาท่ามกลางผู้คนพลุกพล่าน พบเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า พาลูกเมียมาดู ประเดี๋ยวเขาจะปิดเสียก่อน ทักทายกันเท่านั้น เดินกลับออกไป สองคนหารือจะตัดสินใจอย่างไรดี ระหว่างไม่เข้าชมวันนี้ เอาไว้ค่อยมาใหม่ในวันอื่น ซึ่งข้าพเจ้า (ผู้เขียน) ไม่มีเวลาแล้ว นอกจากวันหยุดเสาร์หน้า

พอดีคนเคียงข้างหารือกับเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง เรื่องแว่นกันแดดกับหมวกของข้าพเจ้า (ผู้เขียน) เขาแนะนำเบาๆ ว่า ก็อย่าสวมเข้าไป ให้ใส่กระเป๋า หรือเหน็บไว้ อย่าให้เจ้าหน้าที่ข้างในเห็น เท่านั้น ข้าพเจ้า (ผู้เขียน) ตาสว่าง เอาแว่นกันแดดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ๊กเก็ตรวมกับแว่นอ่านหนังสือ หมวกเหน็บไว้ตรงขอบกางเกงด้านหลัง จากนั้นเดินไปต่อแถวซื้อบัตรเข้าชม ซึ่งเจ้าหน้าที่แนะนำว่า ให้เอาบัตรของคุณลุงไปแล้วซื้อคนเดียวก็พอ เพราะคุณลุงอายุเกิน 60 แล้ว เสียครึ่งราคา คือ 75 บาท

ส่วนคนเคียงข้างเมื่อเข้าไปตรงที่จำหน่ายบัตร ต้องเสียเต็มราคา คือ 150 บาท เพราะไม่ได้ติดบัตรประชาชนเพื่อแสดงอายุจะได้เสียครึ่งราคาด้วย

ทางเข้า เจ้าหน้าที่ตรวจค้นตัวทุกคนอย่างกับที่สนามบิน ส่วนร่ม คนเคียงข้างบอกเจ้าหน้าที่ว่าพกเข้าไปไม่ได้ ฝากไว้ตรงนี้ได้ไหม เจ้าหน้าที่ผู้หญิงที่ค้นตัวคนข้างเคียงบอกว่า ฝากก็ไม่ได้ ต้องทิ้งอย่างเดียวเท่านั้น ทิ้งก็ทิ้ง เมื่อส่งร่มให้เจ้าหน้าที่ผู้หญิง เธอรับแล้วหย่อนลงในถังพลาสติกรองรับอยู่ตรงนั้น

เฮ้อ… กว่าจะเข้าไปภายในพระที่นั่งอนันตสมาคมได้ แทบแย่ ดีแต่ว่าตัดสินใจถูกที่ไม่กลับออกไป

ก่อนเดินผ่านเข้ามายังที่จำหน่ายบัตร ข้าพเจ้า (ผู้เขียน) เห็นแผ่นป้ายตั้งอยู่ตรงทางเข้า ห้ามนำสิ่งของต่อไปนี้เข้าภายในพระที่นั่ง คิดดูว่า การจะห้ามนำอะไรผ่านเข้าไปข้างใน ควรจะอยู่อย่างน้อยหน้าประตูทางเข้าข้างหน้า ไม่ใช่มาอยู่ลับตาตรงนี้ และไกด์ต้องแจ้งเด็ดขาดว่า ห้ามนำอะไรเข้าไปบ้าง เช่นโทรศัพท์มือถือที่ทุกวันนี้ใช้ถ่ายรูปได้ รวมทั้งกล้องถ่ายรูปที่ไม่ค่อยมีใครใช้กันแล้ว

เอาล่ะ ได้เวลาค่อยๆ เดินชมผลงานทีละห้อง ทีละตู้ โอ้โฮ – คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ ผลงานแต่ละชิ้นล้วนแล้ววิจิตร ตระการตา สมกับเป็นงานศิลป์ของแผ่นดินโดยแท้ บางคนบอกว่า งานนี้ต้องใช้เวลาเดินชมอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ถึงครึ่งวัน จึงจะซาบซึ้งในความสวยงามและละเอียดอ่อนทุกฝีมือทีเดียว

ผู้ที่ยังไม่มีโอกาสไปชม ต้องอดใจรอถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน โดยสถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพเกาะเกิด ศรีอยุธยา จะไปเปิดให้ชมที่พิพิธภัณฑ์ชั่วคราว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image