ไม่เพียงแต่ “เจ้าเก่า” อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น
พลันที่กฎหมาย”พรรคการเมือง”บังคับใช้
แม้กระทั่ง นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ปรากฏตัว
“ควรเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมต่างๆได้”
ข้อสำคัญและมีความล่อแหลมเป็นอย่างมากก็คือ กฎหมาย พรรคการเมืองมีระยะเวลากำหนด
กำหนดภายใน 180 วัน กำหนดภายใน 1 ปี
ไม่ว่าในเรื่องของ “ข้อบังคับพรรค” ไม่ว่าในเรื่องของ”สมาชิก พรรค” ไม่ว่าในเรื่อง “เงินทุนพรรค”
นับแต่วันที่”กฎหมาย”ประกาศและบังคับใช้
ประเด็นที่ไม่เพียงแต่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ และ นายวิษณุ เครืองาม จักต้องคำนึงอย่างจริงจัง
ในฐานะที่เป็น “นักกฎหมาย”
นั่นก็คือ ศักดิ์ศรีของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
จะต้องนำไปพิจารณา
ความหมายก็คือ “พรป.”เหมือนเป็น”ลูกคนโต”
เมื่อมองจากความเป็นจริงที่ “รัฐธรรมนูญ” อันถือว่าเป็นกฎหมายสูงสุดเหมือนกับเป็น “แม่”คสช.จึงจำเป็นต้องคิดหนักในกรณีนี้
จะให้ประกาศและคำสั่งของคสช.มี”ศักดิ์”เหนือกว่าร่างพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญและรัฐธรรมนูญหรืออย่างไร
ยิ่งวัน ยิ่งมากด้วยความละเอียดอ่อน
มีความเชื่อตรงกันไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย
การปลดล็อกน่าจะเป็น”พฤศจิกายน”
เพราะหากไม่มีการปลดล็อกให้กับพรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมก็เท่ากับไม่เคารพ “กฎหมาย”
พลันที่”ปลดล็อก” นั่นหมายถึงการผ่อนคลายให้กับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา และมีอานิสงส์ไปถึงพรรคเพื่อไทย
เท่ากับปี่กลอง”เลือกตั้ง”สามารถส่งเสียงได้แล้ว