เอเอฟพีรายงานว่า นายฮาร์วีย์ ไวน์สตีน โปรดิวเซอร์ดังในวงการฮอลลีวู้ดวัย 65 ปี ถูกปลดออกจากบริษัทเดอะ ไวน์สตีน คัมปานี ค่ายหนังของเขาเองโดยมีผลทันทีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม หลังจากตกเป็นข่าวฉาวล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงหลายราย ในช่วงเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในแถลงการณ์ของคณะกรรมการบริหารเดอะ ไวน์สตีน คัมปานี กล่าวว่า “จากข้อมูลใหม่เกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ที่มีออกมาเมื่อ 2-3 วันก่อน ทีมผู้บริหารของเดอะ ไวน์สตีน คัมปานีได้มีมติและแจ้งให้ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน รับทราบว่าการจ้างงานของเขากับบริษัทเดอะ ไวน์สตีนได้สิ้นสุดลงแล้ว และมีผลบังคับใช้ในทันที”
คำสั่งปลดนี้เกิดขึ้นหลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานข่าวแฉหลักฐานว่าฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ซึ่งค่ายหนังเดอะ ไวน์สตีนของเขา เคยมีผลงานภาพยนตร์ดัง อาทิ The King’s Speech และ The Artist เคยล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวหลายรายที่ฝันอยากจะมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง โดยในบรรดาหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อ มีนักแสดงดัง อาทิ โรส แม็คโกแวน และแอชลีย์ จัดด์ รวมอยู่ด้วย ซึ่งหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อเล่าว่า ฮาร์วีย์ให้สัญญาว่าจะให้งาน จะช่วยให้พวกเธอมีชื่อเสียง โดยแลกกับการมีเซ็กซ์กับเขา หรือไม่ก็ขอให้หญิงสาวเหล่านั้นช่วยนวดตัวเขา หรือดูเขาเปลือยกาย
เอเอฟพีเล่าว่า มีสมาชิกพรรคริพับลิกันออกมาขยี้ข่าวนี้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากฮาร์วีย์เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของพรรคเดโมแครต ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอ้างว่ารู้จักกับฮาร์วีย์มานาน บอกว่า ไม่รู้สึกแปลกใจกับข่าวฉาวนี้ของฮาร์วีย์
ขณะที่มีคนในวงการบันเทิงจำนวนมากออกมาพูดสนับสนุนบรรดาหญิงสาวที่กล้าออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ อย่างเช่น ลีนา ดันแฮม นักแสดงหญิงที่กล่าวว่า “ผู้หญิงที่เลือกที่จะออกมาเปิดเผยถึงเรื่องที่เธอเคยถูกฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ล่วงละเมิดทางเพศ ควรได้รับการยกย่อง มันไม่ใช่เรื่องสนุก หรือเรื่องง่ายๆ มันคือความกล้าหาญ”
อนึ่งจากข่าวเล่าด้วยว่า ตอนนี้มีคณะกรรมการบริหารเดอะ ไวน์สตีน คัมปานี 5 ใน 9 คนที่เป็นผู้ชายทั้งหมดได้ลาออกเนื่องจากข่าวฉาวของฮาร์วีย์ ทำให้ตอนนี้คณะกรรมการบริหารที่เหลือทำหน้าที่อยู่มีโรเบิร์ต ไวน์ตีน, แลนซ์ เมรอฟ, ริชาร์ด โคเอนนิกเบิร์ก และทารัค เบน แอมมาร์
ขณะเดียวกันก็มีข่าวจากชาร์ลส์ ฮาร์เดอร์ ทนายของฮาร์วีย์ ออกมาเปิดเผยว่า กำลังเตรียมจะยื่นฟ้องนิวยอร์ก ไทม์ส ที่นำเสนอข่าวโดยใช้ข้อมูลที่เป็นเพียงข่าวลือและข่าวที่ไม่จริง ทั้งยังใช้ข้อมูลที่ขโมยมาจากแฟ้มประวัติส่วนตัวของพนักงานคนหนึ่งในบริษัท และสัญญาว่าจะบริจาคเงินที่ได้จากการฟ้องร้องคดีให้แก่องค์กรสตรี
