‘รองเท้าของพ่อ’ รอยทางแห่งการก้าวย่าง งานที่เป็นมากกว่าละครเวที

ในระหว่างวันที่ 9-19 พฤศจิกายนนี้ ที่โรงละครสยามพิฆเนศ สยามสแควร์วัน บริษัทโต๊ะกลมโทรทัศน์จะจัดแสดงละครเวทีเรื่อง “รองเท้าของพ่อ” ให้ชมอีกครั้ง เป็นการรีสเตจหลังจากละครเรื่องนี้เคยเปิดการแสดงไปแล้วเมื่อ 6 ปีก่อน

สังข์-ธีรวัฒน์ อนุวัตรอุดม ผู้กำกับการแสดงเล่าว่า ในตอนนั้นทำขึ้นตามโจทย์ของธนาคารกสิกรไทยที่ต้องการให้ลูกค้าของธนาคารซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนักธุรกิจได้ชมงานที่ให้แง่คิดและความประทับใจในเรื่องการทำธุรกิจของพ่อกับลูก ซึ่งหลังจากคิดๆๆๆ เขาและทีมก็ปิ๊งไอเดียหลังได้ฟังเพลง “พ่อ” ที่ จิก-ประภาส ชลศรานนท์ แต่งคำร้องและทำนอง ให้ ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว ร้อง

เพลงที่เนื้อหาว่าด้วย

“เมื่อก่อนครั้งฉันเป็นเด็กน้อยคอยแต่คลาน
พ่อหัดตั้งไข่ให้จนฉันเดินเป็น
เตาะเเตะก้าวทีละน้อยค่อยๆ เข็น
จับเกาะพ่อเดินเล่นตามประสาเยาว์วัย

Advertisement

พ่อถอดรองเท้าไว้ให้เห็นตรงนอกชาน
ฉันเจ้าเด็กน้อยลองใส่สวมเดินภูมิใจ
อยากใส่ไว้ให้เหมือนแม้จะหนักยังเดินไหว
พ่อยิ่งใหญ่เหมือนภูเขาเราจะตาม

ข้างหน้าที่ทิ้งไว้คือรอยเท้าที่พ่อเดิน
ลูกเหยียบย่างไม่ห่างเหินเดินตาม
ย่ำบุกป่าเขาลำเนาไพรไม่ครั่นคร้าม
เด็กน้อยตามอย่างพ่อไม่ท้อเดินไป

เติบใหญ่ถึงวันนี้พบชีวิตที่ผกผัน
ฉันจึงได้รู้ว่าการเดินไม่ง่ายดังใจ
วันที่ถูกทุกข์ทับถมขมขื่นใจสักเพียงไหน
รองเท้าพ่อคู่ใหญ่ยังสอนใจเรา
วันที่ถูกทุกข์ทับถมขมขื่นใจสักเพียงไหน
พ่อยิ่งใหญ่เหมือนภูเขาเราจะตาม”

Advertisement

ซึ่งเมื่อฟังแล้ว ใจเขาก็หวนนึกถึงพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่า “การจะพัฒนา เสริมสร้างสิ่งใด จะต้องสร้างขึ้นจากพื้นฐานที่มั่นคงเสียก่อน”

ด้วย 2 สิ่งนี้จึงก่อเกิดเป็นเรื่องของ ‘ก่อ’ ชายสูงวัย นักธุรกิจรุ่นเก่าผู้ประสบความสำเร็จจากธุรกิจรองเท้าได้ หลังค่อยๆ ก้าวจากจุดเริ่มต้นที่เป็นศูนย์ ในขณะที่ลูกชาย ‘ก้อง’ มีความคิดสมัยใหม่ เน้นความเร็วและก้าวกระโดด ทั้ง 2 จึงเกิดความขัดแย้งกันทางความคิด

กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี และสุประวัติ ปัทมสูต รับบทเป็น ‘ก่อ’ ในวัยที่แตกต่าง

 

“ตอนฟังเพลงพ่อของพี่จิก รู้สึกว่าคอนเซ็ปต์ของการใส่รองเท้าของพ่อ ลูกใส่รองเท้าเดินตามรอยพ่อ เป็นคอนเซ็ปต์ที่ดี”

แม็ค วีรคณิศร์ กานต์วัฒนกุล รับบทเป็น ‘ก้อง’

ขณะเดียวกัน การเดินตามรอยพ่อ ก็พาให้คิดไปถึงพระองค์ท่าน

สำหรับการนำกลับมาในครั้งนี้ คนทำบอก “จริงๆ แล้วคือรู้สึกว่าอยากทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับการน้อมรำลึกถึงพระองค์ แต่เราไม่ใช่ช่างวาดรูป ไม่ใช่นักเขียน เราเป็นคนทำละครเวที เพราะฉะนั้นเรามีสิ่งที่เคยทำอยู่ แล้วก็เป็นเรื่องที่ดีงามเรื่องหนึ่งที่คนเห็นน้อยมาก” นั่นคือแค่หนึ่งร้อยคนเศษที่ได้รับเชิญ

“อีกอย่างก็รู้สึกว่าแง่คิดของเรื่องนี้มันใช้ได้กับทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำธุรกิจ เลยอยากให้หลายๆ คนได้ดูมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้น้อมรำลึกถึงพระองค์”

พระองค์ผู้ทรงปฏิบัติให้เห็นเป็นแบบอย่าง รวมทั้งยังทรงให้แง่คิดผ่านกระแสพระราชดำรัสมากมาย ซึ่งในความรู้สึกของสังข์นั้น ในบรรดามากมายต่างๆ ที่ว่า

“แค่เรายึดเพียงอย่างเดียว แค่ประโยคเดียว แค่คำสอนเดียวของพระองค์ท่าน ชีวิตเราก็ดีขึ้นได้”

“ไม่จำเป็นต้องประมวลทั้งหมดของพระองค์มา แต่มีคำสอนของพระองค์ท่านอยู่ในใจหนึ่งอย่าง มีคนละอย่างก็ได้ ชีวิตเราจะดีขึ้นแน่นอน”

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image