ดีเอสไอ รับตัวสุภัตทา ปธ.ฮัจยี กรุ๊ป แจ้ง2ข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร-ฟอกเงิน หลอกเหยื่อลงทุน สูญกว่า300ล.

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับตัวนางสุภัตทา จันทรรังษี ประธานบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด หลังเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวไว้ที่ มทบ.11 ซึ่งเกี่ยวโยงกับความมั่นคง มาสอบสวนเพื่อขยายผลเพิ่มเติมต่อที่ดีเอสไอ โดยมีตำรวจกองปราบปรามคุมตัวผู้ต้องหามาส่งให้กับทางดีเอสไอ

พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่า ได้ควบคุมตัวนางสุภัตทา จันทรรังษี ประธานบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด มาสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นคดีพิเศษที่ 217/2560 โดยดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนางสุภัตทา จากเดิมที่มีการแจ้งข้อหาในฐานความผิดร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา และร่วมกันเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

“ในวันนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 2 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันฟอกเงิน และ 2.ร่วมตัวกันเป็นแก๊งอาชญากรรมในลักษณะอั้งยี่ซ่องโจร และมีแนวโน้มเข้าข่ายความผิดอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากผู้กระทำผิดมีความเชื่อมโยงกัน 2 ประเทศ สำหรับการตรวจสอบผู้ต้องหาที่อ้างว่าเป็นองค์รัชทายาทมอญ ยืนยันว่าไม่ใช่ของจริงแน่นอน นอกจากนี้ยังพบว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับนาวาเอกเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งตำรวจและทหาร รวมทั้งสื่อมวลชนซึ่งจะต้องเรียกมาสอบปากคำก่อนว่ามีเจตนาร่วมกันกระทำความผิดหรือถูกหลอกใช้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งมีทั้งสื่อกระแสหลักและช่องดาวเทียมประมาณ 4-5 ราย” พ.ต.ต.สุริยากล่าว

Advertisement

พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่า การสอบปากคำในครั้งนี้จะเน้นประเด็นเรื่องโครงสร้างของบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด ว่าเป็นอย่างไร รวมถึงเครือข่ายในการทำงานอย่างไรบ้าง ขณะนี้ข้อมูลที่ได้มาจากผู้เสียหายที่ให้การไว้แล้ว แต่จะให้โอกาสนางสุภัตทาชี้แจงข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนก่อน ส่วนนายกอว มิน อู หรือเจ้าเทพโยธิน มหาทุน สัญชาติเมียนมา ซึ่งแอบอ้างเป็นเจ้าแห่งรัฐมอญ ขณะนี้ผู้ต้องหายังหลบหนีอยู่ที่ประเทศเมียนมา และตอนนี้ได้ประสานกับทหารตำรวจเมียนมาไว้แล้ว คาดว่าจะสามารถจับกุมตัวได้เร็วๆ นี้

ส่วนการตรวจสอบมูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีการแอบอ้างเอาตราสัญลักษณ์ไปใช้อย่างผิดกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถต่อใบอนุญาตมูลนิธิได้ ตั้งแต่ปี 2557 รวมถึงการแต่งกายเลียนแบบและประดับยศเหมือนข้าราชการตำรวจถือว่าผิดกฎหมาย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ

พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่า นอกจากนี้ ทางดีเอสไอได้ประสานให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในขบวนการซึ่งเชื่อว่ามีความเสียหายมากกว่า 300 ล้านบาท อย่างเฉพาะโครงการถมทรายในภาคตะวันออก ที่กลุ่มฮัจยี กรุ๊ป จำกัด ไปหลอกลวงให้ร่วมทุนพบว่ามีความเสียหาย 900 ล้านบาท

Advertisement

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้กระทำผิด พบว่าไม่ใช่เพียงการอ้างลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ 78 โครงการเท่านั้น แต่ยังมีการกระทำความผิดที่มีความซับซ้อนยุ่งยากตรวจสอบได้ยาก โดยใช้แม่ข่ายชักชวนผู้อื่นมาเป็นสมาชิก โดยผู้ที่ร่วมลงทุนมีแต่สูญเงินไม่เคยได้ผลตอบแทน ต่างจากกลุ่มแชร์ลูกโซ่ยังพอได้รับผลตอบแทนบ้าง โดยดีเอสไอได้ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) กองปราบปราม(บก.ป.) ปปง. กองบัญชาการตำรวจสันติบาล(บช.ก.) เพื่อร่วมติดตามตรวจสอบกลุ่มเครือข่าย เนื่องจากเป็นขบวนการใหญ่ที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจะทำงานได้เพียงลำพัง

พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่า ดีเอสไอจะสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยจะควบคุมตัวนางสุภัตทาไว้สอบปากคำใน 48 ชม. พร้อมคัดค้านการประกันตัว และนำส่งศาลฝากขังดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (12 ต.ค.) เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) จะแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายของบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด ที่หลอกลวงผู้เสียหายไปร่วมลงทุนในประเทศเมียนมา

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image