จากพี่ถึงน้อง เตือนสตินักกรีฑาไร้วินัย!

จิระพงศ์ มีนาพระ

จากกรณีฟ้าผ่า สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย หลังมีการประกาศลงโทษไล่ 4 นักกรีฑาไร้วินัยออกจากแคมป์ฝึกซ้อม และห้ามลงแข่งขันเป็นเวลา 1 ปี หลังจากที่ได้ทำผิดกฎด้วยการออกจากแคมป์ทีมชาติ ที่ศูนย์กีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ในยามวิกาล

นักกรีฑาทั้ง 4 ประกอบด้วย “มิ้ว” จิระพงศ์ มีนาพระ, อภิสิทธิ์ พรมแก้ว, รัตนพล โสวัน และ ณัฐพงศ์ วีระวงศ์รัตนศิริ ซึ่งนักกีฬาเหล่านี้ถูกระบุว่าเคยทำผิดมาก่อนแล้ว จึงได้ถูกโทษสถานหนักจากสมาคมฯ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของแคมป์กรีฑาไทย มันเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งทั้งที่เปิดเผย และไม่เป็นที่เปิดเผยสู่สาธารณะ

เรื่องของระเบียบวินัยถือว่าเป็นสิ่งสำคัญของนักกีฬาทีมชาติ ลองฟังความเห็นจากบรรดารุ่นพี่อดีตนักกรีฑาทีมชาติว่าจะแนะนำ และสอนน้องๆ ให้กลับเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้องอย่างไรกันบ้าง

เริ่มที่คนแรก “อุลตร้าเหรียญ” เหรียญชัย สีหะวงษ์ อดีตลมกรดชื่อดังเจ้าของเหรียญทองซีเกมส์หลายสมัย และทีมไต้ฝุ่นเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ 1998 ซึ่งกำลังจะคัมแบ๊คกลับมาเป็นทีมสต๊าฟโค้ชกรีฑาไทยในเร็วๆ นี้ บอกว่า ในมุมของตัวเองคิดว่าในช่วงพักซีซั่นเป็นช่วงที่นักกีฬาสามารถรีแล็กซ์ได้ แต่การไปเที่ยวน้องๆ ทุกคนต้องมีสติ รู้จักตัวเอง รู้จักหน้าที่การเป็นนักกีฬา กินแต่ที่ไหว แล้วที่สำคัญต้องกลับเข้าที่พักให้ทัน นักกีฬาบางรายเลวร้ายกว่าที่โดนลงโทษเสียอีก บางคนกลับยั้นเช้า คือถ้ากลับมาที่ห้องพักก่อน 4 ทุ่มก็ยังถือว่าไม่ผิด แต่ในมุมของการเป็นนักกีฬาการไปกินเหล้าก็ไม่ควรอยู่แล้ว เพราะนักกีฬาต้องรับผิดชอบตัวเอง

Advertisement
เหรียญชัย สีหะวงษ์

“ยิ่งการที่ต้องไปแข่งขันในระดับที่สูงๆ ผลงานจะเป็นตัวชี้วัดเลยว่าที่ผ่านมาน้องๆ มีวินัยฝึกซ้อมมากแค่ไหน ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากแค่ไหน อยากจะบอกน้องๆ ทุกคนว่า มันไม่มีนักกีฬาคนไหนเป๊ะเว่อร์ 100 เปอร์เซนต์หรอก แต่ว่าน้องๆ ต้องรู้ตัวเอง พี่ก็เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน แต่พี่จะรู้ว่าต้องรับผิดชอบอะไร ดูแลตัวเองอย่างไร ช่วงก่อนแข่ง 3 เดือน พี่จะจำศีล ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยว เรื่องชู้สาวก็ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ต้องมีสติ ไม่เบิ้ล ไม่บ่อย ไม่นอนดึก นี่คือคำพูดที่ในแคมป์ทีมชาติจะรู้กันดี”

ขณะที่ “โจ๊ก” สิทธิชัย สุวรประทีป อีกหนึ่งนักลมกรดยุคตำนานของไทย ชี้ว่าการอยู่ร่วมกันเป็นคนหมู่มาก ก็ต้องมีกฎเกณฑ์กันเป็นธรรมดา เหมือนที่บ้านเมืองมีกฎหมาย ดังนั้นทุกคนเมื่อมาอยู่รวมกันก็ต้องทำตามกฎที่วางเอาไว้ แม้ครั้งหนึ่ง “บาส” สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ เคยพูดเอาไว้ว่า “ม้าดีต้องพยศ” แต่ก็ต้องมีระเบียบวินัย ในเมื่อทำผิด ก็ต้องถูกลงโทษกันไปตามสมควร ขณะที่ทางสมาคมฯ เองก็ลงโทษตามสมควร ไม่ใช้อารมณ์ในการลงโทษด้วย

สิทธิชัย สุวรประทีป

ปิดท้ายกันที่ “เอก” วัชระ สอนดี อดีตลมกรดระยะสั้นที่ปัจจุบันก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในสต๊าฟโค้ชทีมกรีฑาไทย เตือนสติรุ่นน้องทีมชาติว่า อยากให้รุ่นน้องสมัยนี้คิดและไตร่ตรองให้รอบคอบในการจะโดดแคมป์ทีมชาติไปนั่งกินเหล้า ไปเที่ยว ทุกคนมีโอกาสเข้ามาเป็นนักกีฬาทีมชาติแล้ว อยากให้รักษามันไว้ให้ดี และเป็นแบบอย่างที่ดีต่อเยาวชน เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้ามาถึงจุดนี้ได้ ทุกคนต้องเก่ง

วัชระ สอนดี

“แต่เหนือความเก่ง ทุกคนต้องดีและมีวินัยสูงด้วย การออกจากแคมป์ไปเที่ยวถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไปเที่ยวได้ แต่ต้องรู้หน้าที่ ถึงเวลาพัก หมดเวลาเที่ยว ทุกคนต้องกลับมาที่แคมป์ 22.00 น. อย่าให้เรื่องพวกนี้เป็นปัจจัยใหญ่ในชีวิต ทุกคนพักผ่อนได้ แต่ที่ผ่านมาจะรู้กันดีว่า หน้างาน 3-4 เดือนก่อนแข่ง จะต้องหยุดทันที หันมาทุ่มเทกับการซ้อมอย่างหนักเพื่อความสำเร็จ”

“ที่ผ่านมาก็มีการตรวจห้องกันเวลา 22.00 น. หลังจากนี้การเข้มงวดคงไม่ได้ช่วยอะไร ต้องหันมาปลูกฝังจิตสำนึกให้กับตัวนักกีฬาให้รู้หน้าที่การเป็นตัวแทนคนไทยทั้งประเทศว่ามันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ขนาดไหนมากกว่า”

นี่เป็นคำสอนจากรุ่นพี่ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวบนเส้นทางการเป็นนักกรีฑาทีมชาติไทยจนประสบความสำเร็จมาก่อน

รุ่นน้องที่ไร้วินัย และกำลังแตกแถว ควรฟังและยึดถือเป็นแบบอย่างเพื่อชื่อเสียงทีมกรีฑาไทย…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image