บุกค้น3บริษัททลาย’แก๊งคอลเซ็นเตอร์’จับแล้ว 8 ไล่เช็กบิลกราวรูด 41 ราย แฉโยงฟอกเงิน

วันที่ 12 ตุลาคม 2560 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รองเลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. และ พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รองผู้บังคับการปราบปราม (รอง ผบก.ป.) เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มมิจฉาชีพใช้โทรศัพท์หลอกลวงอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งคนไทยและต่างชาติ เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่มีลักษณะเป็นเครือข่าย มีการแบ่งหน้าที่กันทำหลายส่วน มีผู้กระทำความผิดที่อยู่ในไทยและนอกราชอาณาจักร (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) โดยอัยการสูงสุดเป็นพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบ จึงมีการบูรณาการหลายหน่วย ประกอบด้วย อัยการสูงสุด กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.) 4-6 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กรมสรรพากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงาน ปปง. กระทั่งออกหมายจับบุคคลที่มีพฤติการณ์กระทำความผิด 49 ราย จับกุมแล้ว 8 ราย มีนายฟาง ยางเส็ง สัญชาติจีน นายอาหลิน นายอนุรุทย์ เพิ่มทวีทรัพย์ น.ส.พรรณปพร ศรีอ่อนดี น.ส.สมพร ชูช่วย น.ส.กุลวดี ฉิมเพ็ชร น.ส.ดารานาถ ยังดีเลิศ และ น.ส.รัตนา เกษสุพรรณ์

พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์กล่าวต่อว่า ต่อมามีการเข้าตรวจค้น 3 จุด 1.บริษัท โกลเด้น-ริช-แทรเวล จำกัด เลขที่ 603/13 ถนนนวลจันทร์ บึงกุ่ม 2.บริษัท จีทีอาร์ แทรเวล แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด เลขที่ 538 อาคารแกรนด์ ชั้น 9 ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง และ 3.บริษัท ยู.วี.ที. แทรเวล แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด เลขที่ 538 อาคารแกรนด์ ชั้น 9 ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง ผลการตรวจค้นพบเอกสารที่เกี่ยวข้องและยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมทั้งจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 คน

“มิจฉาชีพมักปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงมากขึ้น เช่น การใช้ไลน์ ID ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐสร้างความเชื่อถือให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินให้กับมิจฉาชีพ จึงอยากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ หากผู้เสียหายลังเล มิจฉาชีพจะโอนสายไปยังกลุ่มมิจฉาชีพอีกกลุ่มที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ พฤติการณ์และวิธีการของกลุ่มมิจฉาชีพ ทำให้ประชาชนผู้เสียหายหลงเชื่อโดยสุจริต ประกอบกับเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ของตนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือพัวพันกับการกระทำความผิดที่กลุ่มมิจฉาชีพกล่าวอ้าง ปัจจุบันมีประชาชนผู้เสียหายมาร้องทุกข์แจ้งความแล้วกว่า 64 คดี มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก อีกทั้งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานต่างๆ กำลังจับกุมผู้กระทำความผิดตามหมายจับมีมากกว่า 49 หมายจับ” พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์กล่าว

Advertisement

พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์กล่าวอีกว่า ฝากเตือนประชาชนให้ระวังมิจฉาชีพใช้โทรศัพท์ ไลน์ หรือโซเชียลมีเดียใดๆ แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงาน ปปง. ให้กระทำการใดๆ ในลักษณะดังกล่าว รวมไปถึงการหลอกลวงในรูปแบบอื่นๆ ที่กลุ่มคนร้ายมุ่งเป้าประสงค์ให้ประชาชนที่ถูกหลอกลวงหลงเชื่อให้ทำการโอนเงิน ให้พึงระวังว่าบุคคลดังกล่าวเป็นมิจฉาชีพ โปรดอย่าหลงเชื่อและกระทำตามที่มิจฉาชีพหลอกลวงเด็ดขาด หากประชาชนพบการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว ขอให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างแน่ชัด อย่าด่วนโอนเงินเป็นอันขาด ขอให้พยายามหลีกเลี่ยงการเจรจา กลุ่มมิจฉาชีพมีจิตวิทยาขั้นสูงพูดโน้มน้าวจิตใจ ส่วนกรณีรับจ้างเปิดบัญชีอาจถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน โทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท

รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มบริษัทที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น มีการตั้งขึ้นเพื่อใช้ในการฟอกเงินที่หลอกลวงผู้เสียหายมา ส่วนใหญ่ทำธุรกิจการท่องเที่ยวและจัดส่งคนงานไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน เมื่อแรงงานไทยที่ถูกส่งไปทำงานโอนเงินค่าจ้างมาให้พ่อ-แม่ที่ประเทศไทยผ่านทางบริษัทดังกล่าว ทางบริษัทจะเก็บเงินสกุลดอลลาร์ไต้หวันไว้ แล้วจ่ายเงินสกุลบาทไทยที่ได้จากการหลอกลวงเหยื่อให้กับพ่อ-แม่ของแรงงานแทน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image