นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ ไปประทับที่ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช แม้จะทรงมีพระอาการประชวร แต่พระองค์ยังทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนชาวไทยอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับชาวโรงพยาบาลศิริราชที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์อย่างมาก
ไม่เว้นแม้แต่ในมุมมองของแพทย์ผู้ถวายงาน หน่วยพิพิธภัณฑ์ศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้จัดบรรยายพิเศษเนื่องในงาน “ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์” ณ ห้องราชปนัดดาสิรินธร ชั้น 1 อาคารศรีสวรินทิรา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
โดยได้ ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ซึ่งเคยได้มีโอกาสถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชในช่วงหนึ่ง ร่วมบรรยายในหัวข้อ “พระมหากรุณาธิคุณการุณย์ศิริราช”
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ธีรวัฒน์ เผยว่า นับตั้งแต่เสด็จฯ มาประทับที่ศิริราช พระองค์ทรงอยู่ห่างจากพวกเราเพียง 100 กว่าเมตร แต่มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับชาวศิริราชมากมากยิ่งนัก เมื่อครั้งได้รับตำแหน่งคณบดี ได้กราบบังคมทูลว่ามารับตำแหน่งใหม่
พระองค์ตรัสว่า “นักเรียนใหม่ ตั้งใจทำงาน”
“ซึ่งกลายเป็นคำสอนที่เรารับใส่เกล้า รู้จักเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้ทันต่อโลกทุกๆ วัน” ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ธีรวัฒน์กล่าว
เมื่อเข้ามาทำงานภารกิจหนึ่งที่คณบดีคนใหม่กังวลใจอยู่เสมอ คือ “การจราจร” และการหาเงินสร้างสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช ที่รวมโรงพยาบาลศิริราชปิยมหราชการุณย์ สถาบันวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไว้ด้วยกัน ต้องหาเงินทุนกว่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อ นพ.ธีรวัฒน์เป็นอย่างมาก
อดีตคณบดีเผยว่า ครั้งนั้นต้องหาเงินทุนเยอะ จัดกิจกรรมหลายอย่าง โดยครั้งหนึ่งได้จัดกิจกรรมเทศน์มหาชาติ เมื่อกราบบังคมทูลพระองค์ ทรงมีพระเมตตาเสด็จฯ มาทรงร่วมพิธีในวันนั้นด้วย ทำให้ยอดเงินบริจาคเพิ่มจาก 10 ล้านเป็น 50 ล้านบาท
“นอกจากนี้เมื่อเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาบนชั้นดาดฟ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นการจราจรที่คับคั่งบนสะพานปิ่นเกล้า ได้มีรับสั่งว่า พระองค์จะช่วยเรื่องจราจร จนเป็นที่มาของการประชุมและปรับปรุงถนนเส้นต่างๆ ทั้งโลคัลโรด และรถไฟฟ้าสายต่างๆ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้”
ในฐานะพระเจ้าแผ่นดินแม้จะทรงประชวรหากไม่ทรงละทิ้งหน้าที่ ในฐานะคนไข้ก็ทรงเป็นคนไข้ที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
“ในฐานะคนไข้ พระองค์ทรงอดทนต่อการฟื้นฟูพระวรกาย จากบรรทมสู่ฝึกพระดำเนิน เมื่อพระดำเนินได้แล้วยังทรงปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ ซึ่งทุกวันนี้จักรยานคันนั้นได้นำมาเป็นเครื่องเตือนใจให้กับชาวศิริราชที่ฟิตเนส อาคารเฉลิมพระเกียรติ นอกจากนี้ยังทรงมีพระเมตตาต่อชาวศิริราช ตลอดระยะเวลาที่ประทับที่โรงพยาบาล ได้พระราชทานแจกันดอกไม้ที่มีคนทูลเกล้าฯ ให้กับผู้ป่วยตึกต่างๆ ทั้งยังพระราชทานทรัพย์ให้กับศิริราชมูลนิธิ ต่อมาได้นำไปสร้างห้องเอ็กซเรย์เอ็มอาร์ไอซึ่งพระองค์ทรงได้ใช้ด้วย หรือเวลาเสด็จลงทอดพระเนตรทัศนียภาพ พระองค์จะตรัสกับ รปภ.ลิฟต์เสมอว่า วันนี้ได้นอนหรือยัง ถือเป็นพระเมตตาต่อพวกเราทุกคน” นพ.ธีรวัฒน์เผย
ขณะที่ ศ.พิเศษ ดร.นพ.สรรใจ แสงวิเชียร ได้บรรยายในหัวข้อ “พระสถิตในดวงใจตราบนิรันดร์” เผยว่า ในฐานะของคนไทยคนหนึ่งที่ไม่เคยมีโอกาสได้ถวายงานใกล้ชิด แต่ก็ได้รับเสด็จที่ต่างๆ เมื่อครั้งโดยเสด็จในหลวง ร.8 มาที่ศิริราชครั้งแรก ก็ได้รับเสด็จฯพระองค์ พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในสิ่งต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์ โดยทรงสนพระราชหฤทัยการถ่ายภาพจากกล้องจุลทรรศน์มาก และเมื่อทรงขึ้นครองราชย์ ยังได้เสด็จฯมายังโรงพยาบาลศิริราชอีกหลายครั้ง ทั้งทางชลมารคและโดยรถยนต์พระที่นั่ง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะมีประชาชนมารับเสด็จอย่างเนืองแน่น
“ในอดีต คนไทยยังไม่มีโทรทัศน์ ทุกปีในหลวง ร.9 จะพระราชทานภาพยนตร์ส่วนพระองค์ ที่ประกอบด้วยพระราชกรณียกิจต่างๆ ฉายที่โรงหนังเฉลิมกรุง ทำให้ประชาชนได้รู้สึกใกล้ชิดกับพระองค์ คนไทยจะหลั่งไหลไปเข้าชมตลอด จนกระทั่งมีข่าวพระราชสำนัก คนไทยต่างได้พึ่งพระบรมโพธิสมภารเสมอ
จนกระทั่งวันที่ 13 ตุลาคม ผมได้รับหน้าที่เตรียมอุปกรณ์ยารักษาสภาพร่างกาย เมื่อได้ยินข่าวก็ถึงกับตัวชา และทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งเฉยๆ ขณะที่คนไทยตะโกนว่าไม่จริง ผมถูกตามขึ้นไปอาคารเฉลิมพระเกียรติเพื่อทำหน้าที่นี้ กระทั่งเสร็จสิ้นเวลา 20.30 น.” นพ.สรรใจกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ
“ซึ่งในช่วงเวลานับจากนี้ คนไทยก็ควรต้องทำความดี เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์”
ธ สถิตในดวงใจ