ในช่วงปลายรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเข้าและออกโรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่ปี 2552-2559
โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีสุดท้ายก่อนเสด็จสวรรคต เป็นช่วงเวลาที่พสกนิกรชาวไทยเฝ้าติดตามพระราชกรณียกิจและพระอาการประชวรอย่างใกล้ชิด จากข่าวในพระราชสำนักทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ รวมทั้งช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ
ทุกครั้งที่พระองค์เสด็จออกเพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจหรือทรงเปลี่ยนพระราชอิริยาบถ แม้จะเพียงไม่กี่ครั้งใน 1 ปี หากก็สร้างความปลื้มปีติให้กับพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ
ในปี 2557 ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จออกมาให้ประชาชนชื่นชมพระบารมีถึง 18 ครั้ง
ในช่วงต้นปี พระองค์ประทับ ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยได้เสด็จฯ กลับไปประทับเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2556 หลังจากประทับรักษาพระวรกายที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นเวลา 3 ปีกว่า
ระหว่างที่ประทับอยู่วังไกลกังวลนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่ง ได้เสด็จฯไปยังสถานที่ต่างๆ อาทิ
วันที่ 9 มกราคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ จากพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทรงติดตามความก้าวหน้าศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน สิรินาถราชินี วนอุทยานปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในการนี้ ทรงปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ ได้แก่ ปลาจุมพรวดและปูทะเล เพื่อเป็นการกระจายพันธุ์สู่แหล่งอาศัยตามธรรมชาติต่อไป
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ ไปยังศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทอดพระเนตรการดำเนินงานของมูลนิธิศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน ในการนี้ทรงเจิมป้ายประวัติคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง
วันที่ 3 มีนาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ จากพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล ไปยังโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ จ.เพชรบุรี ทอดพระเนตรโรงเลี้ยงโคนม ดำเนินงานสนองพระราชดำริ ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมให้เกษตรกรที่สนใจ การนี้ ทรงป้อนนมโคแก่ลูกโค 2 ตัว
วันที่ 27 มีนาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร นำคณะผู้บริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร เข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลผลการดำเนินงานของสถาบัน
วันที่ 3 เมษายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ จากพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล ไปยังเขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ทรงติดตามความก้าวหน้าการบริหารจัดการน้ำของโครงการเขื่อนแก่งกระจาน โอกาสนี้ ประทับแพขนานยนต์ เสด็จฯ ทอดพระเนตรระดับน้ำของเขื่อนแก่งกระจานและความอุดมสมบูรณ์
ในปีนี้เอง วันที่ 5 พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จออกมหาสมาคม ณ ท้องพระโรงศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นครั้งแรกที่พระราชพิธีฉัตรมงคลจัดขึ้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
กระทั่ง วันที่ 6 สิงหาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ กลับมายังโรงพยาบาลศิริราชอีกครั้ง ตามคำกราบบังคมทูลของคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา
โดยระบุในแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ความว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ ไปประทับ ณ วังไกลกังวล ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2556 นับได้ 1 ปีเศษ กำหนดเวลาที่จะขอพระราชทานถวายตรวจพระวรกายอย่างละเอียด ณ โรงพยาบาลศิริราช
แม้ในแถลงการณ์จะไม่ได้กล่าวถึงพระอาการประชวร แต่ก็ได้สร้างความปริวิตกให้แก่พสกนิกรชาวไทยไม่น้อย
จากนั้นแถลงการณ์ได้ออกมาเป็นระยะๆ รวม 12 ฉบับ ในปี 2557
ระหว่างประทับรักษาพระวรกายอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ในช่วงปลายปี 2557-ต้นปี 2558 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จลงจากที่ประทับเพื่อทรงเปลี่ยนพระราชอิริยาบถหลายต่อหลายครั้ง
การปรากฏพระองค์ด้วยพระพักตร์ที่แจ่มใส พระพลานามัยแข็งแรง ยังความปลาบปลื้มมาสู่ประชาชนชาวไทยทุกคนที่ต่างเฝ้าติดตามข่าวของพระองค์อย่างใกล้ชิด
วันที่ 23 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จออก ณ ห้องประชุมชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งใหม่ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
วันที่ 29 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ไปยังชั้น 7 โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เพื่อทรงเปลี่ยนพระราชอิริยาบถเป็นการส่วนพระองค์ โอกาสนี้ ทอดพระเนตรกิจการของร้านโกลเด้น เพลส ทรงเลือกซื้อสินค้าจากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา อาทิ นมเปรี้ยวจิตรลดา นมจืดจิตรลดา ไอศกรีม ผลไม้ต่างๆ เช่น องุ่นดำ บลูเบอรี่ กีวี อโวคาโด เป็นต้น
ต่อมาในปี 2558 วันที่ 9 มีนาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ จากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส ขณะที่รถยนต์พระที่นั่งแล่นผ่าน พสกนิกรที่เฝ้ารอรับเสด็จต่างพร้อมใจกันเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแย้มพระสรวล พร้อมกับโบกพระหัตถ์ให้กับพสกนิกรที่เฝ้ารอรับเสด็จ
จากนั้น วันที่ 10 พฤษภาคม 2558 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ กลับไปประทับ ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
หากเสด็จฯ กลับไปได้ไม่นาน วันที่ 31 พฤษภาคม ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ กลับมาประทับ ณ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยแถลงการณ์ฉบับที่ 13 ระบุว่า เพื่อถวายตรวจพระสมองด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อติดตามผลของการใส่สายระบายน้ำไขสันหลังจากช่องไขสันหลังเข้าสู่ช่องพระนาภี
ปี 2558 มีแถลงการณ์พระอาการประชวรออกมาเป็นระยะ รวม 6 ฉบับ
ระหว่างที่ประทับอยู่ที่โรงพยาบาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จลงจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเปลี่ยนพระราชอิริยาบถหลายครั้ง
วันที่ 1 กันยายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปยังร้านโกลเด้น เพลซ สาขาโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ทอดพระเนตรสินค้า ผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตรต่างๆ ในการนี้ ทรงเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามพระราชอัธยาศัย
ทั้งนี้ วันที่ 1 กันยายน เป็นวันสุดท้ายที่พระองค์เสด็จลงมาให้พสกนิกรชื่นชมพระบารมี โดยในปี 2558 ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จออกให้พสกนิกรได้ชื่นชมพระบารมี 8 ครั้ง
ในปี 2559 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มิได้เสด็จออกเพื่อทรงเปลี่ยนพระราชอิริยาบถอีกเลย
มีเพียงแถลงการณ์พระอาการประชวรออกมาเป็นระยะๆ เท่านั้น โดยแถลงการณ์ ฉบับที่ 19 ออกเมื่อวันที่ 10 มกราคม ระบุว่า ทรงมีพระปรอท (ไข้) บางช่วงเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ มีการอักเสบของพระปัปผาสะ (ปอด) ส่วนล่าง และได้ตรวจพบพระชานุ (เข่า) ด้านขวาอักเสบร่วมด้วย ผลการตรวจพระโลหิตบ่งชี้ว่ามีการอักเสบติดเชื้อ
และภายหลังจากแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 20 ออก สำนักพระราชวังจึงเปิดให้ประชาชนลงนามถวายพระพร ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ทุกวัน โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559
จากนั้นแถลงการณ์เริ่มออกถี่ขึ้น
กระทั่งแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 32 ออกโดยระบุว่า ผลการตรวจพระโลหิตบ่งชี้ว่าการทำงานของพระวักกะ (ไต) ลดลง ผลเอกซเรย์พระปัปผาสะ (ปอด) พบเริ่มมีน้ำคั่งในพระปัปผาสะ (ปอด)
จากแถลงการณ์ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับพสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังมีความหวังว่าอีกไม่นานจะทรงมีพระอาการดีขึ้น ต่างรอฟังแถลงการณ์อย่างใจจดใจจ่อ
กระทั่งวันที่ 4 กันยายน สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ฉบับที่ 33 ว่า ผลการตรวจพระโลหิตและพระเสมหะพบว่าความรุนแรงของการติดเชื้อลดลง
จากแถลงการณ์พระอาการดีขึ้น แม้จะยังไม่มาก แต่ก็ได้คลายความกังวลลงไปได้มาก
กระนั้น พสกนิกรหลายคนเริ่มสวดมนต์ถวายพระพร หลายคนทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล
ในวันที่ 9 ตุลาคม แถลงการณ์ฉบับที่ 37 ระบุว่า คณะแพทย์ฯ ได้ขอพระราชทานถวายใส่สายสวนเข้าหลอดพระโลหิตดำเพื่อเตรียมการฟอกพระโลหิตระยะยาว ความดันพระโลหิตในพระปัปผาสะ (ปอด) สูง คณะแพทย์ฯ ได้เฝ้าติดตามพระอาการและถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพระอาการประชวรโดยรวมยังไม่คงที่
นับเป็นแถลงการณ์ที่กรีดหัวใจคนไทยอย่างที่สุด สร้างความปริวิตกให้อย่างมากมาย ทำให้ใน วันที่ 10 ตุลาคม ด้วยความเป็นห่วง พสกนิกรบางส่วนดั้นด้นมายังโรงพยาบาลศิริราชเพื่อติดตามพระอาการประชวรอย่างใกล้ชิด ต่างสวดมนต์ขอพรพระราชานุสาวรีย์พระราชบิดา และสมเด็จย่าให้ทรงคุ้มครองในหลวง ร.9
นอกจากนี้ ยังมีการแชร์ในโลกออนไลน์เชิญชวนให้ใส่เสื้อสีชมพูเพื่อเป็นการถวายพระพร
กระทั่ง วันที่ 11 ตุลาคม พสกนิกรต่างมารวมตัวกันที่โรงพยาบาลศิริราชมากขึ้นเรื่อยๆ คนไทยทั้งประเทศพร้อมใจกันใส่เสื้อสีชมพู ทุกคนห่วงใยและใจจดใจจ่อรอฟังพระอาการประชวร
ทว่า…วันที่ 12 ตุลาคม สำนักพระราชวังไม่มีแถลงการณ์ ทำให้พสกนิกรยิ่งหนักใจขึ้น
ยิ่งห่วง ที่โรงพยาบาลศิริราชก็ยิ่งคับคั่งไปด้วยพสกนิกรจากทั่วสารทิศที่หลั่งไหลมา บางคนไม่กลับบ้านกลับช่อง นอนเฝ้าพระอาการอย่างใกล้ชิดที่ศิริราช
เมื่อถึงเช้า วันที่ 13 ตุลาคม พสกนิกรต่างเดินทางไปศิริราชกันตั้งแต่เช้า และหลั่งไหลกันมาไม่ขาดสายจนแน่นโรงพยาบาล ต่างสวดมนต์ขอพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวร บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวที่จะได้ยินในสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน
กระทั่งเวลา 18.45 น. สื่อมวลชนได้เผยแพร่ประกาศสำนักพระราชวังว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต” ความว่า
แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ ถึงวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี
น้ำตาของปวงชนชาวไทยนองทั้งแผ่นดิน