“ถวิล”ฉะคนร่าง”พ.ร.ป.พรรคการเมือง”ควรนำหลักไพรมารีไปใช้เลือกตั้งครั้งที่ 2 ชี้พรรคยุ่งยาก-ปชช.สับสน

ถวิล ไพรสณฑ์

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม นายถวิล ไพรสณฑ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า ขณะนี้เข้าใจว่า ทุกพรรคต่างจะต้องเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้ง เพราะเมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญออกมาแล้วมีการกำหนดกรอบเวลาไว้จำนวนมากเช่น 1.ทุกพรรคจะต้องสำรวจจำนวนสมาชิกพรรคที่มีอยู่ให้ตรงกับตัวเลขของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเรามีหนังสือไปยังกกต.ว่าเราต้องการเช็กจำนวนสมาชิกที่แน่นอน

โดยตัวเลขที่เราตรวจสอบมาก่อนแล้วพบว่าพรรคกับ กกต.ตัวเลขไม่ตรงกัน ต่างกันอยู่ที่ 592 คน เพราะปชป.เป็นพรรคเก่าแก่สมาชิกพรรคอาจตายหรือย้ายภูมิลำเนา พรรคจึงมีหนังสือถึง กกต.เพื่อประสานกับกระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครอง เพื่อตรวจสอบรายชื่อสมาชิกที่มีอยู่ 2.8 ล้านคนกับทะเบียนราษฎร์ให้เป็นปัจจุบันที่สุด และปรับปรุงให้ตัวเลขสมาชิกตรงกับ กกต.ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่ราชกิจจานุเบกษาประกาศพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา 2.จะต้องให้มีการจัดประชุมใหญ่ของพรรคภายใน 180 วัน เราไม่มีปัญหาเพราะปชป.มี 175 แห่งทั่วประเทศอยู่แล้ว

นายถวิตกล่างต่อว่า 3.ภายหลังจากที่เรามีคณะกรรมการบริหารพรรคตามกฏหมายใหม่ เราต้องจัดประชุมใหญ่อีกครั้ง เพื่อตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร (ไพรมารีโหวต) ซึ่งส่วนนี้ยุ่งยากที่สุด เช่นที่เขียนไว้ว่าในเขตเลือกตั้งหนึ่ง จะต้องมีสาขาพรรคหรือมีตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดเพราะจะต้องเลือกผู้สมัคร และจำเป็นจะต้องให้สมาชิกพรรคโหวต เช่นในเขตปักษ์ใต้ใครๆ ก็อยากลงเพราะโอกาสชนะของ ปชป.มีสูง ปัญหาคือส.ส.ที่มีอยู่ปัจจุบันเขาก็มีเครือข่าย มีหัวคะแนนที่ช่วยงานกันมาตลอดทุกคนต่างอยากลงสมัครหมด แต่หัวหน้าพรรคทำอะไรไม่ได้ต้องให้สิทธิสมาชิกในเขตเลือกตั้งเป็นผู้โหวตเข้ามา

จากนั้นเลือกเอาแค่อันดับ 1 กับ 2 มาให้กรรมการบริหารพรรคเลือกซึ่งเขาต้องเลือกอันดับ 1 แล้วถ้าสมมุติว่าคนใหม่ชนะได้ที่ 1 แต่ส.ส.เก่าได้ที่ 2 ก็จะเกิดความวุ่นวายในพรรคอีก และปัญหาอีกอย่างที่ไม่รู้ว่าคนร่างเขียนมาได้อย่างไรคือการไพรมารีโหวตใช้องค์ประชุมไม่น้อยกว่า 100 คนถ้าเราหาเสียงได้แค่ 51 คนเราชนะแล้ว ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายในพรรคได้ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าปชป.สมาชิกไม่มีใครสามารถสั่งให้ซ้ายหันขวาหันได้อยู่แล้ว ทั้งนี้จะเสียเวลามากขึ้นไปอีกถ้ากรรมการบริหารพรรคไม่เอาทั้ง 2 คนก็ต้องกลับไปเริ่มต้นกันใหม่หมด

Advertisement

“ขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองสามารถพูดคุยหารือถึงประเด็นการเลือกตั้งครั้งหน้าได้จึงทำให้ขั้นตอนการทำงานภายในพรรคฉุกละหุกมาก พรรคใหม่ก็มีปัญหาเพราะต้องหาสมาชิกพรรคให้ครบ 5,000 คน รวมถึงต้องทำสาขาพรรคด้วย ส่วนพรรคเดิมเราจะทำให้สมาชิกทราบได้อย่างไรเพราะแค่ส่งจดหมาย 1 ฉบับไปให้ 2.8 ล้านคนก็ใช้เงินถึง 7 ล้านบาทแล้ว ปัญหาพรรคตอนนี้มากมาย ส่วนคนร่างก็ไม่รู้คิดได้อย่างไร ทำไมไม่นำหลักไพรมารีไปใช้ในการเลือกตั้งครั้งที่สอง เพราะพรรคและประชาชนจะได้มีเวลาเตรียมตัวมากว่านี้” นายถวิตกล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image