เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า ที่บ้านเลขที่ 86/56 ถนนโคกขัน ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ได้เปิดให้มีการสกรีนเสื้อ และแจกสติ๊กเกอร์ฟรีให้กับประชาชนทั่วไป ทราบว่าเป็นบ้านของหนุ่มจิตอาสาชาวตรัง นายภควัด สุพร (โถ้ ปิดทองหลังพระ) ชาว ต.ทับเที่ยง อเมือง โดยมีสมาชิกครอบครัว พร้อมเพื่อนๆ สมาชิกชมรมรถโบราณจังหวัดตรัง ด้วยการทำบล็อกข้อความ และรับสกรีนเสื้อให้เพื่อนบ้าน และประชาชนทั่วไป ฟรี 9 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ 14-22 ตุลาคม 2560 โดยมีชาวบ้านให้ความสนใจนำเสื้อสีดำมาสกรีนรูปพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมข้อความ “น้อมส่งเสด็จ สู่สวรรคาลัย” และ “ลูกเกิดในรัชกาลที่ ๙ ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป” โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ซึ่งเสื้อแต่ละตัวใช้เวลาสกรีน และเป่าให้แห้งแค่ 10 นาที ก็รอรับเสื้อกลับไปใส่ได้เลย
นายภควัด สุพร (โถ้ ปิดทองหลังพระ) หนุ่มจิตอาสาชาวตรัง กล่าวว่า ครบรอบ 1 ปี ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต ปีที่แล้วก็ได้สกรีนเสื้อ และแจกสติ๊กเกอร์ไปแล้ว และครบรอบ 1 ปี จึงเริ่มทำดีเพื่อพ่อหลวงอีกครั้ง โดยการสกรีนเสื้อสีดำ ฟรี จำนวน 9 วัน พร้อมแจกสติ๊กเกอร์ จะแจกเรื่อยๆ ไปจนถึง 26 ตุลาคม ในความรู้สึก พ่อหลวงของเราทำทุกอย่าง พระราชกรณียกิจทุกอย่างได้ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเราก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง ครั้งหนึ่งในชีวิต ก็อยากจะทำดีเพื่อพ่อ เพื่อให้ความจดจำสิ่งดีๆ ตามรอยพ่อหลวง ที่ได้ทำเป็นแบบอย่างให้เราได้เห็นมาตั้งตนได้เกิดมา
“สิ่งที่พระองค์ทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องพอเพียงก็ได้นำมาใช้อยู่ทุกวัน รู้จักคำว่า พอ รู้จักคำว่า ให้ แล้วก็ไม่ต้องการ ทุกอย่างที่ทำก็ เพื่อตามรอยพ่อ ซึ่งในการสกรีนครั้งนี้ จะเป็นเงินทุนส่วนตัวแ ละของภรรยา อีกส่วนหนึ่งก็จะมีน้องๆ มาร่วมบริจาคด้วย นำไปซื้ออุปกรณ์ และสีในการทำตรงนี้ บางคนมีแรงก็มาช่วยแรง” นายภควัด สุพรกล่าว
นอกจากนั้น ยังแจกสติ๊กเกอร์ติดรถฟรี ขนาด 3 นิ้ว โดยได้เตรียมสติ๊กเกอร์ไว้สำหรับแจกฟรี เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน ไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม ได้ร่วมเป็นจิตอาสา ทำความดีเพื่อพ่อ เพื่อแผ่นดินเกิด ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย เกิดในแผ่นดินไทย ได้ยึดหลักพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน ในเรื่องของจิตอาสา และจะทำความดีแบบนี้ตลอดไป และยึดแนวทางพระราชดำรัสของพ่อหลวงที่ว่า “การทำความดีนั้นทำยากและเห็นผลช้าแต่จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ ความชั่วซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว”
