สัญญาณแจ่มชัด เลือกตั้ง พ.ย.61 จับตา รบ.จัดทัพ

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกำหนดการเลือกตั้งอย่างชัดแจ้งว่า เดือนมิถุนายน 2561 จะประกาศวันเลือกตั้ง

เดือนพฤศจิกายน 2561 จะเลือกตั้ง

ทุกอย่างก็แจ่มแจ้งขึ้นมาทันที

แจ่มแจ้งว่า ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 ไม่ใช่เลือกตั้งในปี 2562 อย่างที่เคยเข้าใจกันก่อนหน้า

Advertisement

แจ่มแจ้งว่า รัฐบาลมีเป้าหมายแล้วว่า ในการเลือกตั้งปี 2561 จะเกิดอะไรขึ้น

และนับตั้งแต่บัดนี้ไปถึงวันนั้น รัฐบาลจะต้องทำอะไรบ้าง

ผลจากความแจ่มชัด ทำให้สถานการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งรัฐบาลดูดีขึ้นมาทันที

Advertisement

ทั้งนี้สะท้อนออกมาจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ขึ้นแดนบวกอย่างมีนัยสำคัญ

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเองก็ยอมรับว่า หุ้นที่ขึ้น เป็นผลมาจากความแจ่มชัดดังกล่าว

นี่แค่ประกาศความชัดเจน ยังมีแนวโน้มดีขึ้นถึงขนาดนี้

ถ้าไทยมีการเลือกตั้งจริง สถานการณ์ของไทยน่าจะดีขึ้นกว่านี้อีกมาก

 

เมื่อเป้าหมายทางการเมืองของไทยแจ่มชัด

จากประมาณกันคร่าวๆ ว่าจะเลือกตั้งปีนี้ ปีหน้า หรือปีต่อไป

กลายเป็นการกำหนดการเลือกตั้งลงไปในเดือนพฤศจิกายน 2561

เท่ากับว่าฝ่ายการเมือง รวมทั้ง คสช. ต้องทำการบ้านให้สำเร็จก่อนถึงวันเลือกตั้ง

วันนี้ พ.ร.ป.พรรคการเมือง เพิ่งประกาศใช้ พรรคการเมืองต้องทำเรื่องราวต่างๆ ตามข้อกำหนดให้แล้วเสร็จ

แต่ยังต้องรอประกาศจาก กกต.ที่กำหนดวิธีการ และคำสั่งปลดล็อกการประชุมพรรคจาก คสช.

ดังนั้น พรรคการเมืองจึงยังคงถูก “แช่แข็ง” ต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งปลดล็อก

ขณะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เดินหน้าไปเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างผลงานได้เข้าเป้า

ตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาเป็นบวก

และดูเหมือนจะบวกเรื่อยๆ

 

นอกจากนี้ รัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ ยังสร้างผลงานเพิ่มเติมภายหลังจากเข้าพบ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

การพบปะครั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งกับสหรัฐอเมริกาว่าจะทำตามโรดแมป

แม้จะสะดุดในเบื้องแรกที่มีการตีความระหว่างคำว่า “ประกาศวันเลือกตั้ง” กับ “การเลือกตั้่ง”

แต่สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกมาเคลียร์ว่า เลือกตั้งในปี 2561

สหรัฐอเมริกายังส่งสัญญาณการยอมรับไทย อาทิ ยอมขายอาวุธให้แก่กองทัพไทย เป็นต้นอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็ได้รับข่าวดีจากไอเคโอว่าได้ปลด “ธงแดง” ออกจากประเทศไทยแล้ว

หมายความว่า การบินของประเทศไทยเข้าสู่มาตรฐาน ซึ่งจะมีผลต่อความน่าเชื่อถือทางการบิน

และมีผลต่อการท่องเที่ยว รวมไปถึงรายได้เข้าประเทศไทย

ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็กำลังรอฟังข่าวดีจาก เอียซ่า และเอฟเอเอ ต่อไป

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ เรียกประชุมฝ่ายเศรษฐกิจและฝ่ายกฎหมาย

ในการประชุมมีการเร่งรัดกฎหมายแรงงานต่างด้าว

กรณีดังกล่าวผูกโยงกับการปลดล็อกจากไอยูยู ซึ่งไทยมีปัญหาเนื่องจากเกี่ยวพันกับข้อหาค้ามนุษย์ที่เกี่ยวโยงกับบัญชีเฝ้าระวังของสหรัฐ

หากรัฐบาลสามารถทำให้ไทยหลุดจากบัญชีเฝ้าระวังและทำให้ ไอยูยูยอมรับในมาตรฐานของไทย จนยินยอมปลดล็อกให้

การส่งออกทางทะเลซึ่งจะตามมาด้วยรายได้อีกจำนวนมหาศาลจะคืนกลับมาสู่ปกติ

ถ้ารัฐบาลสามารถทำได้ เท่ากับว่ามีความสามารถปรับพื้นฐานประเทศให้คืนสู่สถานเดิมก่อนการรัฐประหาร

อาทิ มีลำดับความน่าลงทุนอยู่ในอันดับเดิม มีมาตรฐานการบิน มีมาตรฐานแรงงานที่ได้รับการยอมรับ

มีความพร้อมที่จะเดินหน้าบนเวทีโลกได้เมื่อมีการเลือกตั้ง

เรื่องนี้หาก พล.อ.ประยุทธ์ทำได้ ย่อมมีผลต่อสนามเลือกตั้งครั้งหน้า

 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ คสช.และ ครม. ยังมีการบ้านที่ต้องจัดการก่อนการเลือกตั้งจะมาถึง

ประการแรก คือการตรวจสอบกลไกการเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้งให้แจ่มชัดว่าจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์เดิม

ขณะนี้ทราบว่า ผลการตรวจสอบได้พบจุดโหว่ตรงอำนาจหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา

แม้จะมีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และสามารถตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นแล้ว

สิ่งที่พบคือ สมาชิกวุฒิสภายังไม่มีอำนาจในเรื่องพิจารณางบประมาณ

ดังนั้น หากปล่อยให้งบประมาณอยู่ในมือของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีพรรคการเมืองเข้ามาสอดแทรก

การบริหารงานของรัฐบาลตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการอาจพบอุปสรรค

ณ เวลานี้ จึงมีกระแสข่าวภายในว่า อาจจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก

แก้ไขตรงอำนาจวุฒิสภา

 

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวเรื่องการจัดทัพใหม่ของรัฐบาล

เป็นการจัดการปรับปรุงตัวบุคคลเพื่อให้ขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเลือกตั้ง

ปิดจุดบอด สร้างจุดเด่นให้แก่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก่อนเลือกตั้ง

รัฐมนตรีที่มีปัญหาด้านบริหาร มีข่าวเรื่องความโปร่งใส มีภาพลักษณ์ในเชิงลบ อาจถูกร้องขอให้ถอยไป

รัฐมนตรีหลายคนอาจต้องโยกกระทรวง เพื่อให้รัฐบาลได้รับการยอมรับมากขึ้น

กระทรวงที่มีข่าวแพร่กระจายยังคงเป็นกลุุ่มกระทรวงเดิมๆ อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม เป็นต้น

กระแสข่าวดังกล่าวต้องรอให้ถึงวัน ว. เวลา น. แท้จริงจึงจะพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือเท็จ

ดังนั้น ขณะนี้ความเคลื่อนไหวที่ปรากฏจึงอยู่ในสถานะแค่เป็นข่าว

ทุกอย่างต้องรอให้เกิด หรือไม่เกิด จึงจะเป็นการยืนยัน

 

อย่างไรก็ตาม หลังตุลาคมผ่านพ้นไป การเมืองน่าจะมีความเคลื่อนไหวกันคึกคัก

พรรคการเมืองเดิมต้องการปลดล็อกเพื่อประชุมพรรค รัฐบาลต้องการเวลาสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรม

ทั้งกระแสข่าวแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มอำนาจให้วุฒิสภา รวมไปถึงกระแสข่าวจัดทัพรัฐบาลกันใหม่

ทุกอย่างสะพัดอยู่บนข่าวหลัก คือการเลือกตั้งจะมีขึ้นในปี 2561

วันนี้การเลือกตั้งได้รับการยืนยันกำหนดการจากนายกรัฐมนตรีอย่างชัดแจ้ง

ต่อไปคือการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง

การเมืองหลังจากนี้ จึงเป็นการเมืองเพื่อผลการเลือกตั้ง

และการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image