ความหวังที่หวนคืน โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ

ในแวดวงสนทนาของผู้ที่ติดตามความเป็นไปของบ้านเมืองประเมินกันมานานพอสมควรแล้วว่า “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)” จะต้องทำอะไรสักอย่างให้ความรู้สึกรวมๆ ของประชาชนดีขึ้น

แล้วในที่สุดอะไรสักอย่างนั้นก็ชัดเจนว่า คสช.เลือกเอาการประกาศ “วันเลือกตั้ง”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.แถลงว่าจะประกาศวันเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน 2561 และในเดือนพฤศจิกายน 2561 จะจัดการเลือกตั้ง

เป็นความชัดเจนครั้งแรกในไทม์ไลน์ของโรดแมป ครั้งจากที่คลุมเครืออยู่ในกรอบวิธีการอธิบายแบบ “ตามแต่จะมีอะไรเกิดขึ้น” ทำนองว่าหากยังเรียบร้อยก็เร็ว แต่ถ้ายังยุ่งยากก็จะช้าออกไป

Advertisement

ก่อนหน้านั้นการอธิบายด้วยวิธีทำให้คลุมเครือเข้าไว้ ใช้การได้ดี แต่ถึงวันนี้เหมือน คสช.จะยอมรับแล้วว่า “คลุมเครือต่อไปไม่ได้แล้ว”

ในวงสนทนาวิเคราะห์กันว่าที่ก่อนหน้านั้นคนไม่ใส่ใจนักว่า คสช.จะเอาอย่างไรกับประเทศชาติ เพราะตะกอนในใจของคนส่วนใหญ่ยังระอากับภาพความขัดแย้งที่ขยายเป็นความรุนแรงในบ้านเมืองที่รัฐบาลจากพรรคการเมืองไม่มีความสามารถในการแก้ไขได้

จึงเห็นว่ารัฐบาลทหารคือความจำเป็น และวางความหวังไว้ให้ คสช. ชนิดเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ด้วยความเชื่อว่าจะจัดการปัญหาต่างๆ ของบ้านเมืองให้ลุล่วงไปด้วยดี จะใช้อำนาจหนักหน่วงแค่ไหน อยู่ในกรอบกติกาที่ควรจะเป็นหรือไม่อย่างไร รอบคอบในการใช้โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนที่ถูกใช้อำนาจเข้าจัดการแค่ไหน ล้วนแต่ยอมรับจะยืนเคียงข้าง

ด้วยความหวังว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น ก่อนที่จะคืนอำนาจให้ประชาชน

ครั้งกระนั้น คสช.เป็นความหวัง

แต่ถึงวันนี้ดูจะไม่เป็นอย่างนั้นเสียแล้ว ในแวดวงสนทนาประเมินว่าความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่มีต่อ คสช.เปลี่ยนไป แก่นแกนของความเปลี่ยนแปลงทางความคิดที่ต่อเนื่องไปถึงความเชื่อและความหวังอาจจะไม่ชัดเจนนักว่าคืออะไร แต่เท่าที่จับเอาจากกระแสความรู้สึกไม่พอใจน่าจะเกิดจากสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดูจะแย่ลงขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจหลายๆ อย่างเห็นแต่แนวโน้มที่แย่ลง

ปัญหาปากท้องที่มากขึ้นจากรายได้ที่ไม่พอกับรายจ่าย

เมื่อผสมปนเปกับเรื่องราวหลากหลายที่เอื้อประโยชน์ในลักษณะ “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” มีเรื่องราวของ “โอกาสที่มากขึ้นของทุนใหญ่” การทำมาหากินของประชาชนระดับล่างไล่ล้าง

พัฒนาบ้านเมืองให้มีภาพสบายหูสบายหาของคนในชนชั้นหนึ่ง โดยจัดการจนทำให้คนอีกชนชั้นต้องไร้อาชีพ

ประเมินกันว่า “ความรู้สึก” เช่นนี้กลายมาเป็นความคิด และพัฒนาไปสู่ความเชื่อบางอย่างที่กระทบต่อศรัทธาใน คสช. และที่สุดแล้วเป็นการสลาย “ความหวัง”

เมื่อความหวังสูญสลายลง ย่อมสะเทือนต่อวิธีมองในเรื่องอื่นๆ ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มเห็นภาพในทางลบต่างๆ มากขึ้น

ในแวดวงสนทนาแนะนำกันว่าให้ไปดูการแสดงออกของใครต่อใครที่มีต่อ คสช.ในช่วงที่ผ่าน ซึ่งจะเห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย

หลายคนเปลี่ยนจากนิยมชมชอบ กลายมาเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายอย่างรุนแรง

และเมื่อเป็นธรรมดาที่มนุษย์เราจะต้อง “อยู่อย่างมีความหวัง”

เมื่อ “ความหวังหนึ่งสิ้นสลายไปจากใจ อีกความหวังหนึ่งย่อมอุบัติขึ้นแทน”

การประกาศวันเลือกตั้ง ชี้ให้เห็นว่า คสช.ประเมินแล้วว่า “ความหวังของกระแสประชาชน” ไปอยู่ที่ “รัฐบาลจากการเลือกตั้ง”

ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการมองเห็นอย่างถูกต้องของ คสช. เพราะหลังจากนั้นเสียงตอบรับในทางที่ดีเกิดขึ้นมากมายจากทุกฝ่าย

“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง” เป็นความหวังครั้งใหม่ของกระแสว่าจะมาทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น

และที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ “กระแสแห่งความหวังนี้จะไหลบ่าไปกระทบกับอะไรบ้าง และพลังของความหวังนั้นจะทำให้เกิดอะไรขึ้นนับจากนี้”

……………………….

สุชาติ ศรีสุวรรณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image