“พณ.”มั่นใจส่งออกข้าวปีนี้แตะ11ล้านตันสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวของไทยปีนี้ คาดว่าจะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 11 ล้านตัน เพราะการส่งออกข้าวปีนี้มีแนวโน้มที่ดี ข้าวไทยยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง สำหรับการส่งออกข้าวตั้งแต่ต้นปี ถึง 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งออกแล้ว 8.97 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 25.28% มีมูลค่า 3,891 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น17.41% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่าเงินบาท 132,754 ล้านบาท ชนิดข้าวที่ส่งออกมากที่สุด คือ ข้าวขาว 3.91 ล้านตัน หรือมีสัดส่วน 43.61% ข้าวนึ่ง 2.65 ล้านตัน หรือ 29.59% และข้าวหอมมะลิ 1.68 ล้านตัน หรือ 18.73%

นางอภิรดี กล่าวว่า กรมการค้าภายใน ได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) เปิดแอพพลิเคชั่น “จองรถเกี่ยว” ให้ชาวนาและผู้ประกอบการรถเกี่ยวข้าวได้ใช้ในช่วงข้าวฤดูกาลใหม่ที่จะออกมานี้ แอพฯนี้จะช่วยแก้ปัญหารถเกี่ยวข้าวไม่เพียงพอได้ จะเปิดใช้วันที่ 18-19 ตุลาคมนี้ นำร่องใน 7 อำเภอ ของจังหวัดอุบลราชธานี เพราะเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวปริมาณมากและคุณภาพดีที่สำคัญ ขณะนี้มีชาวนาสนใจใช้แอพแล้ว 760 ราย มีผู้ประกอบการรถเกี่ยวข้าวให้บริการในพื้นที่ 1,600 ราย สำหรับต้นทุนใช้รถเกี่ยวข้าวอยู่ที่ 800-1,200 บาทต่อไร่

ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า หาก 3 เดือนสุดท้าย(ตุลาคม-ธันวาคม) ปีนี้ สามารถส่งออกข้าวได้เฉลี่ย 9 แสนตันต่อเดือน ก็จะทำให้ทั้งปีนี้มีโอกาสส่งออกถึง 11 ล้านตัน ซึ่งปริมาณส่งออกจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคาดว่ามูลค่าส่งออกข้าวทั้งปีนี้จะเติบโต 15% จากปี 2559 ที่มีมูลค่าประมาณ 1.5 แสนล้านบาท เพราะการส่งออกข้าวช่วงปลายปีจะส่งออกได้ปริมาณมากอยู่แล้วเป็นปกติ และข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการของหลายประเทศ ส่วนกรณีผลกระทบจากน้ำท่วม แม้นาข้าวบางส่วนจะเสียหาย แต่จากปริมาณน้ำฝนที่ตกในปริมาณมากสม่ำเสมอตลอดทั้งปี เชื่อว่าจะส่งผลให้ผลผลิตข้าวปีนี้เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งก็ไม่มีปัญหาในการทำการตลาด โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ เพราะตลาดมีความต้องการสูง ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน สมาคมฯ จะลงพื้นที่สำรวจปริมาณผลผลิตข้าวที่ชัดเจนเพื่อวางแผนทำการตลาดต่อไป ขณะนี้ราคาข้าวหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 750-800 เหรียญสหรัฐ ข้าวนึ่ง 5% อยู่ที่ตันละ 385 เหรียญสหรัฐ ข้าวขาว 5% อยู่ที่ตันละ 375 เหรียญสหรัฐ และราคาข้าวเปลือกในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 7,500 – 8,000 บาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ตันละ 6,000 บาท

ร.ต.ท. เจริญ กล่าวอีกว่า สมาคมฯได้ทำโครงการลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพข้าวส่งออกของเกษตร โดยสมาคมฯจะให้เงินช่วยเหลือค่ารถเกี่ยวนวดข้าวแก่ชาวนาที่เป็นรายย่อยและไม่ได้รับการช่วยเหลือจากมาตรการของรัฐ และเป็นสมาชิกของสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย โดยจะให้เงินให้ชาวนาไร่ละ 200 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ หรือรวมแล้วไม่เกินรายละ 2,000 บาท มีรายชื่อชาวนาที่เข้ารับการช่วยเหลือแล้วรวม 5,363 ราย รวมพื้นที่เพาะปลูก 45,831 ไร่ รวมเงินช่วยเหลือ 9.17 ล้านบาท โดยจะเริ่มโอนเงินในสัปดาห์หน้าเข้าบัญชีชาวนาโดยตรงผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image