ธ สถิตในดวงใจนิรันดร์ 1 ปี สวรรคต ในหลวง รัชกาลที่ 9

แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมา 1 ปีแล้ว ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสู่สวรรคาลัย เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559

ถือเป็นวันวิปโยคยิ่งใหญ่ที่คนไทยทุกคนต่างเศร้าเสียใจ และมิอาจลืมเลือนความระทมนี้ไปได้ แม้จะผ่านมาแล้วถึง 1 ปีก็ตาม

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบรอบ 1 ปี วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ท่ามกลางพสกนิกรที่เฝ้ารอรับเสด็จอยู่เต็มถนนหน้าพระลาน ทั้งนี้ ทรงมีพระราชานุญาตให้ประชาชนยืนรับเสด็จข้างทางได้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ฝนเพิ่งจะหยุดตก ทั้งนี้ ทรงโบกพระหัตถ์ให้กับพสกนิกรที่รับเสด็จ ขณะที่ประชาชนต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง

Advertisement

โดยตลอดทั้งวันประชาชนต่างร่วมกันออกมาแสดงความจงรักภักดีไม่ขาดสาย 

รุ่งเช้าของวันที่ 13 ตุลาคม 2560 ความรักและความคิดถึงของคนไทยที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ประจักษ์ชัดขึ้นในหัวใจของคนทั้งชาติอีกครั้ง เมื่อพสกนิกรมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลศิริราช ที่ประทับแห่งสุดท้าย หล่อหลอมดวงใจแต่งกายด้วยชุดสีดำสุภาพ นำข้าวสารอาหารแห้งร่วมกันตักบาตรพระสงฆ์ 199 รูป ประชาชนหลายคนทั้งจากกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ต่างไปนอนเฝ้าค้างคืน บ้างก็มาปักหลักตั้งแต่ตี 3 ทำให้เส้นทางจากหอประชุมกองทัพเรือจรดถนนบวรสถานพิมุข หน้าตึกอำนวยการโรงพยาบาลศิริราช แน่นขนัดไปด้วยผู้คนอันล้นหลาม ก่อนที่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจะกล่าวถวายอาลัย และนำประชาชนถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยการยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที

Advertisement

พร้อมกันกับที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้นำคณะรัฐมนตรีร่วมตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และชาวไทยอีก 76 จังหวัด ที่จัดพิธีตักบาตรกันอย่างพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

ภายหลังจากตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลแล้ว ในหัวใจของคนไทย ยังต้องการที่จะอยู่ใกล้พ่อให้ได้มากที่สุด ต่างมุ่งหน้านำดอกไม้ พวกมาลัยดาวเรืองที่ตระเตรียมกันไว้ ไปยังกำแพงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรีและประตูมณีนพรัตน์ เพื่อถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกครั้งหนึ่ง โดยต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกดีใจที่ได้มากราบในหลวง ร.9 ในวันที่ 13 ตุลาคม ใกล้ๆ กับพระบรมมหาราชวัง หลังจากที่สำนักพระราชวังได้ปิดให้ขึ้นกราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา แม้ว่าฝนจะตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักในช่วงเช้า ก็ยังได้เห็นประชาชนกางร่มเข้าแถวอย่างไม่ย่อท้อ

ยิ่งใกล้เวลา 15.52 น. เวลาสวรรคตเท่าใด ประชาชนยิ่งเดินทางกันเข้าพื้นที่อย่างแน่นขนัด จนแถวเข้ากราบสักการะนั้นฝั่งหนึ่งยาวจนถึงกรมพระธรรมนูญ และยังมีประชาชนรอเข้าจุดคัดกรองที่หน้ากระทรวงมหาดไทย ขณะที่ฝั่งท่าช้าง ประชาชนได้เข้าคิวกันยาวไปถึงประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยยังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ปักหลักรอคอยอธิษฐานจิตที่ข้างกำแพงวังรอบนอกอีกไม่น้อย ท่ามกลางเหล่าจิตอาสาที่ร่วมทำความดีถวายเป็นพระราชกุศล

1ปีเช่นเดียวกับที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยาศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช ที่พสกนิกรต่างหลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่เพื่อร่วมเจริญสติภาวนาด้วยการนั่งสมาธิเป็นเวลา 9 นาทีร่วมกัน แม้ว่าหลายคนจะไม่อาจจับจองพื้นที่ได้ ก็ขอยืนอธิษฐานจิตอยู่รอบข้าง จนบริเวณดังกล่าวแน่นขนัดไปด้วยผู้คน

จวบจนเวลา 19.25 น. ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ พร้อมด้วยคณะแพทย์ พยาบาลผู้ถวายงาน รวมทั้งบุคลากรทั้ง 420 คน พร้อมใจกันที่พระลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก น้อมก้มกราบไปยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ ที่ประทับขณะเสด็จฯเข้ารักษาพระวรกาย แล้วจึงได้กราบถวายบังคมโดยพร้อมเพรียงกัน 3 ครั้ง ประชาชนทั้งหลายยังได้ขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “ความฝันอันสูงสุด” กันอย่างกึกก้องไปทั่วลาน พร้อมกับการแสดงแสงสีเสียงในชุด “ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์ แสงแห่งแผ่นดินตราบนิจนิรันดร์”

ไม่เพียงแต่ร่วมเปล่งเสียง แต่ในแววตาลูกของพ่อ ณ พื้นที่แห่งนั้น ยังได้มีรอยน้ำตาด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อีกด้วย เช่นเดียวกับชาวไทยทั่วประเทศที่จุดเทียนถวายความอาลัยส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

เป็นความรักที่มีต่อในหลวง ร.9 ไม่ลืมเลือน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image