“บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานงานสถาปนาครบรอบ 53 ปี การกีฬาแห่งประเทศไทย ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา กกท.หัวหมาก เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม
ช่วงเช้า ผู้ว่าการ กกท. พนักงาน และผู้ช่วยปฏิบัติงานฯ ร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ กกท. สักการะรูปหล่อหลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ และร่วมพิธีสงฆ์ หลังจากนั้นคณะผู้บริหารรับมอบเงินบริจาคและอุปกรณ์กีฬาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ต่อด้วยมอบเกียรติบัตรและเข็มวิริยะอุทิศ แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานครบ 25, 30, 35 ปี และมอบรางวัลแก่พนักงานและผู้ช่วยปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2560
นายสกลกล่าวว่า การก้าวเข้าสู่ปีที่ 54 กกท.จะสร้างมิติใหม่ของวงการกีฬาไทย 1.การปรับแผนในการเตรียมความพร้อมนักกีฬาทีมชาติไทยให้มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งการเพิ่มระยะเวลาการเก็บตัวให้ต่อเนื่องมากที่สุด และส่งไปเก็บตัวฝึกซ้อมและแข่งขันในต่างประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะรายการแข่งขันที่มีการเก็บคะแนนสะสม เพื่อไปแข่งขันรายการใหญ่ๆ หรือโอลิมปิกเกมส์ 2.ให้มีการจ้างโค้ชทั้งชาวไทย และต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้ามาดูแลนักกีฬาให้มากขึ้น เพิ่มเงินค่าจ้างจากเดิมสูงสุดเดือนละ 60,000 บาท เป็น 150,000 บาท 3.ให้ กกท.มีการปรับแผนในการเบิกจ่ายเงินสนับสนุนด้านต่างๆ ให้เร็วขึ้น ไม่เกิน 7 วัน และได้ให้ผู้รับผิดชอบทุกด้านปรับการทำงานให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อลดปัญหาในเรื่องการเงินของสมาคมกีฬาต่างๆ
ผู้ว่าการ กกท.กล่าวต่อว่า สิ่งที่ กกท.ต้องการจากสมาคมคือ ขอให้มุ่งมั่น จริงใจและจริงจังในการทำงานเพื่อพัฒนาวงการกีฬาไทย เชื่อว่าการร่วมมือกันจะช่วยให้ผลงานนักกีฬาดีขึ้นได้ โดยเฉพาะกีฬาที่ผลงานไม่ดีในซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่มาเลเซีย จะเห็นผลงานที่ดีขึ้นในเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่อินโดนีเซีย ในปีหน้า อาจจะไม่ต้องรอให้ถึงซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ อีก 2 ปีข้างหน้าก็ได้
“ผมต้องการความจริงจัง จริงใจจากทุกคนที่เข้ามาทำกีฬา เพราะถ้าไม่จริงใจก็พัฒนาได้ยาก กกท.จะปรับเทคนิคและแทคติคทุกอย่างเพื่อสนับสนุนสมาคมให้มากที่สุด เป็นวันสต็อปเซอร์วิซ เพื่อให้ทุกฝ่ายเบิกจ่ายเงินได้คล่องตัวมากขึ้น” บิ๊กเสือกล่าว
