‘บิ๊กตี๋’ถก 11 กุนซือ กก.จัดทำยุทธศาสตร์ชาติความมั่นคง ตั้งเป้าเสร็จ ม.ค.61

‘บิ๊กตี๋’คิกออฟถก 11 กุนซือ กก.จัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ตั้งกรอบ 4 เดือนเสร็จ ม.ค.61 ส่งต่อให้ กก.ยุทธศาสตร์ชาติชุดใหญ่

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถ.วิภาวดีรังสิต พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (อดีต ผบ.ทสส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงครั้งที่ 2 โดยมีคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง 11 คน และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า การดำเนินการคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ซึ่งมีผู้แทนจากหลายภาคส่วน อาทิ ด้านความมั่นคง ด้านการต่างประเทศ นักวิชาการ นักการทูต นักการทหาร เป็นต้น มีหน้าที่ดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน คือ ช่วงมกราคม2561 จากนั้นส่งต่อให้เลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและเลขานุการคณะกรรมการจัดทำด้านต่างๆ นำไปรับฟังความคิดเห็นในภาพรวม จากนั้นก็จะปรับแก้ก่อนส่งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไป เพื่อขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อผ่านความเห็นชอบแล้วจากนั้นนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อออกเป็นกฎหมายต่อไป
พล.อ.วรพงษ์กล่าวต่อว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ เพราะช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการบริหารประเทศและกำหนดยุทธศาสตร์มาแล้วเอาไว้เป็นพื้นฐานแล้ว ในกฎหมายก็ระบุให้เรานำยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลมาเป็นกรอบ รวมถึงยุทธศาสตร์ของ วปอ. และสภาปฏิรูปต่างๆ ผมดูงานด้านความมั่นคง ดังนั้นก็จะมาดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเป็นความมั่นคงจากทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการทหารของทุกภาคส่วนตั้งแต่ระดับชาติ สังคม ชุมชนและปัจเจกบุคคล ซึ่งต้องมีการนำมาบูรณาการการทำงาน ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงก็เหมือนกับทำทะเลให้สงบ เพื่อให้เรือทุกประเภทออกจากฝั่งไปปฏิบัติภารกิจได้ คือทำประเทศให้สงบเพื่อให้ยุทธศาสตร์ด้านอื่นๆ เดินหน้าต่อไปได้ด้วย

เมื่อถามว่า แต่ทะเลบ้านเราก็เหมือนการเมือง ซึ่งไม่ค่อยจะสงบ พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า ทุกเรื่องมีคลื่นอยู่ แต่ทุกมิติเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทั้งสิ้น ไม่ใช่เฉพาะแต่การเมือง แม้ทะเลจะมีคลื่นแต่ก็ต้องทำให้เรือเล็กและเรือใหญ่ออกทะเลได้

Advertisement

“ส่วนประเด็นกรอบความชัดเจนของความมั่นคงมองถึงเรื่องงบประมาณการจัดซื้ออาวุธและยุทโธปกรณ์นั้น เราจะเน้นทุกมิติ เพราะยังมีความมั่นคงของมนุษย์ เศรษฐกิจและไซเบอร์ ที่ทหารไม่ได้เป็นพระเอก ผู้ที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาไม่ใช่มีแต่ทหารเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจะมีการพูดถึงการพัฒนาศักยภาพในยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ทั้งเรื่องบุคลากร ความสามารถ เครื่องมือแผนและระเบียบปฏิบัติ นโยบายต่างๆ ของทุกส่วนราชการ เราต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่ายุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงไม่ใช่ยุทธศาสตร์ของกระทรวงกลาโหม แต่ยังมีสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และทุกกระทรวง เราต้องทำทุกอย่างคู่ขนานกัน นอกจากยุทธศาสตร์ชาติยังมีปฏิรูปประเทศ นำมารวมกันเพื่อทำเป็นแนวทางให้สอดคล้องกัน ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะงานวิชาการ แต่เราจะทำวิชาการให้ปฏิบัติได้จริง” พล.อ.วรพงษ์กล่าว

ด้านนายชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ์ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง กล่าวว่า รัฐบาลมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งทุกกระทรวงได้ดำเนินการทำแผนยุทธศาสตร์กระทรวง 20 ปีรองรับไว้ แต่เรื่องความมั่นคงถือเป็นฐานหลักที่จะก่อให้เกิดความมั่งคั่งและยั่งยืนทั้งหมด จึงต้องให้ความสำคัญ แต่ความมั่นคงนี่เป็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ ไม่ใช่เฉพาะแต่ทางทหารเท่านั้น ส่วนเรื่องการเมืองก็ได้เขียนไว้ว่าการเมืองต้องมีเสถียรภาพ ซึ่งคณะปฏิรูปด้านการเมืองก็กำลังดำเนินการอยู่เช่นกัน โดยต้องมีแผนแม่บทมารองรับ เป็นขั้นตอนต่อไปที่จะต้องทำ โดยแผนปฏิรูปและแผนแม่บทต้องสอดคล้องกันทั้งหมด

เมื่อถามว่าเมื่อปฏิรูปการเมืองแล้ว แต่ทหารก็อาจจะกลับมาทำรัฐประหารอีกได้ก็จะเข้าไปสู่ปัญหาเดิมๆ นายชูศักดิ์กล่าวว่า เราต้องทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ ซึ่งต้องดำเนินการในรายละเอียดต่อไป ขณะนี้ทางคณะกรรมการปฏิรูปกำลังดำเนินการอยู่เพื่อทำให้การเมืองมีความมั่นคง โดยเฉพาะระบบการเลือกตั้งและพรรคการเมือง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image