เมื่อวันที่ 20ตุลาคม นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยหลังจากพาน.ส.ปวีณา(สงวนนามสกุล) ลูกจ้างชั่วคราวโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ขอนเเก่น และ และน้องปาล์ม อายุ3ปี ที่พิการเนื่องจากซ้อนรถจักรยานยนต์ ที่นายศราวุฒิ เจิมขุนทด บิดา ไปตามถนนบ้านใหม่ อ.สีชมพู ขอนแก่น และถูกรถที่นายเกต นาถมทอง อายุ 68 ปี เป็นคนขับ ตำแหน่งอาสาสมัครโรงพยาบาล เสริมสร้างสุขภาพตำบลบ้านใหม ชนที่แยกบ้านใหม่ และศาลแขวงขอนแก่นพิพากษาจำคุก 6 เดือนและรอลงอาญาเข้าพบรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่า แม้จะมีการฟ้องคดีนี้ทางแพ่ง และอัยการรับแก้ต่างให้ฝ่ายรัฐ แต่การต่อสู้คดีในศาลเพื่อให้ชนะ ไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย อัยการไม่จำต้องชนะคดี แต่ต้องการให้ประชาชนที่ยากจนได้รับความเป็นธรรมและรับการเยียวยามากกว่า ดังนั้นคดีนี้ จึงควรจะเริ่มต้นด้วยการเจรจา ระหว่างฝ่ายน้องปาล์ม กับฝ่ายรัฐ ว่าฝ่ายรัฐจะพอช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
ซึ่งสำนักนิติกร กระทรวงสาธารณสุข ก็ช่วยหาทางออกว่าพอจะมีเงินที่สามารถจ่ายให้ตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง เท่าใดเพียงใด ซึ่งจะมีการพิจารณาในเรื่องนี้ต่อไป เพราะเคยจัดความช่วยเหลือในลักษณะคล้ายๆกันนี้มาก่อน และหลังจากนี้คดีส่วนแพ่งที่ฟ้องไว้ที่ศาล ก็ไม่ควรสืบพยาน แต่ควรเลื่อนคดีออกไปก่อน
รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวต่อว่า อัยการมีสำนักงานช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายทุกจังหวัด สามารถช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ประชาชนทั่วไป ถ้ายากจน ก็จะจัดทนายความให้ฟรี อย่างน.ส.ปวีณา มีรายได้จากภาคเกษตรเพียงเดือนละ6,600บาท ต้องหยิบยืมเงินญาติ เสียหายดำเนินคดีและค่ารักษาพยาบาลจนหมดตัวดังนั้น หากชาวบ้านมีปัญหาไม่ว่าคดีแพ่ง อาญา ปกครอง ขอให้นึกถึงสำนักงานช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุดก่อน ก่อน และคดีนี้นอกจากจะมีการช่วยเหลือทางภาครัฐแล้ว ในอนาคตอาจมีความช่วยเหลือจากภาคเอกชน ซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไป
นายโกศลวัฒน์ กล่าวเว่า ในส่วนของความช่วยเหลือเบื้องต้นของกระทรวงสาธารณสุขนั้นทางผู้บริหารรับว่าจะรับน้องปาล์มไว้รักษาฟรี ที่รพ.ชุมแพ ส่วนประเด็นที่นางปวีณาจะขอทำงานเป็นลูกจ้างประจำที่ร.พ.ชุมแพ ก็จะรับไว้พิจารณา ส่วนตัวเลขค่าสินไหมทดแทนตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา