พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยถึงการเตรียมทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ มิโลวาน ราเยวัช เฮดโค้ชชาวเซอร์เบีย ว่า เรื่องสำคัญที่คุยกันตอนนี้คือ โปรแกรมในปีหน้า ซึ่งด้วางแผนว่าช่วงฟีฟ่าเดย์ เดือนมีนาคมนี้ จะจัดให้เป็นการแข่งขันคิงส์คัพ โดยหวังชิญชาติที่ได้ผ่านไปเล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เดินทางมาอุ่นเครื่อง หากว่าพวกเขาจับสลากแล้วเจอกับทีมจากชาติเอเชีย ดังนั้นไทยจะเป็นคู่แข่งหนึ่งที่ให้เขาทดสอบฝีเท้าได้
“นอกจากนี้ในช่วงฟีฟ่าเดย์ เดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงก่อนฟุตบอลโลกนั้น ราเยวัชได้ให้ความเห็นว่าช่วงดังกล่าวชาติต่างๆ มักจะเดินทางไปเก็บตัวในยุโรปกัน ดังนั้น ทีมชาติไทยอาจจะได้อุ่นเครื่องกับชาติชั้นนำในยุโรปด้วย และด้วยคอนเนคชั่นของราเยวัชเอง อาจจะได้อุ่นเครื่องกับทีมชาติเซอร์เบีย หรือทีมชาติอังกฤษได้ด้วย” บิ๊กอ๊อดกล่าว
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องทีมที่จะอุ่นเครื่องด้วยนั้น จะต้องรอความชัดเจนในเดือนธันวาคม หลังจากการจับสลากแบ่งสายฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย เสียก่อน เพราะชาติใดที่อยู่กลุ่มเดียวกับทีมในเอเชียอย่าง เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น ก็ต้องการที่จะอุ่นเครื่องทดสอบฝีเท้ากับทีมในเอเชียเช่นกัน
นอกจากนี้ นายกสมาคมฯ ยังกล่าวถึงการต่อสัญญาฉบับใหม่ของ มิโลวาน ราเยวัช ที่จะหมดลงในช่วงเดือนพฤษภาคม 2561 อีกว่า เรื่องสัญญาฉบับใหม่ของมิโลวาน ราเยวัช ถ้าผลงานเขาดีเป็นที่ยอมรับ และทำให้เห็นถึงความแตกต่าง การพัฒนาของทีมชาติไทยเกิดขึ้น ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ต่อสัญญากับเขา แต่การ เซ็นสัญญา 1 ปี ไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายเราอย่างเดียว แต่อยู่ที่มิโลวาน ราเยวัช และทีมงานด้วยในการพูดคุยถึงเงื่อนไขต่างๆ เพื่อพิสูจน์ผลงานของเขา
“เท่าที่คุยล่าสุด เราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และตัวโค้ชมิโลวาน ราเยวัช เองก็บอกว่ารักประเทศไทย เราก็ถามเขาอีกครั้งว่าทำไมถึงสนใจประเทศไทย เขาก็ตอบเหมือนทุกครั้งว่า ประเทศไทยมีศักยภาพ และที่สำคัญ เขาได้ศึกษามาก่อนแล้วว่า ฟุตบอลไทยมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง การบริหารงานในสมาคมฯ ประเทศที่เขาจะสร้างความสำเร็จในการพัฒนาทีมชาติได้นั้นต้องเป็นประเทศที่ สมาคมฟุตบอลให้การสนับสนุนเต็มที่ และเขามองว่าประเทศไทยมีโอกาสตรงนั้น เขาไมได้มองว่าไปอยู่ที่ไหนแล้วได้ค่าเหนื่อยสูง เขามองว่าที่ไหนทำให้เขาสบายใจ ได้รับการสนับสนุน ความร่วมมือจากสมาคมฟุตบอล นี่คือสิ่งสำคัญกว่า”
“ในส่วนของสัญญาของราเยวชัชที่จะหมดลงในช่วงกลางปีหน้านั้นก็ได้มีการพูดคุยกันบ้างในเบื้องต้น แต่ยังมีเวลาเหลือในการเจรจากัน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลงาน ถ้าทุกคนมองว่าทีมชาติไทยกำลังเดินหน้าไป มีผลงานเป็นที่ยอมรับ มีพัฒนาการ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ต่อสัญญาออกไป” บิ๊กอ๊อดกล่าว
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
