เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ว่าการอำเภอเมืองเลย จ.เลย นายประครอง สุนทราวิรัตน์ กำนันตำบลชัยพฤกษ์ ประธานชมรมผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เขตอำเภอเมืองเลย นัดประชุมคณะกรรมการชมรมเข้าหารือ เตรียมเอกสารแจ้งความ หลังจากทราบ เสมียนในชมรมเชิดเงินอุดหนุน และเงินออม เงินบำรุง เงินใช้หลังเกษียณ กว่าล้านบาท ในชมรมสมาชิกมีกว่า 471 คน รวมทั้งสารวัตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย ต่างโวยคณะกรรมการชมรม หลังเรื่องแตกผู้มีเกษียณ และตายไม่ได้รับเงิน
นายประครอง สุนทราวิรัตน์ ประธานชมรม ได้กล่าวว่า หลังจากทราบว่า มีผู้เกษียณราชการไปแล้วไม่ได้รับเงิน จึงเข้าตรวจสอบบัญชีพบว่า นางทิพวรรณ ยอดนาเดื่อ อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นเสมียนทำงานในชมรม และมีหน้าที่เก็บเงินสมาชิกชมรมทุกเดือน หลังจากมีเรื่องเราได้เข้าตรวจสอบพบว่า นางทิพวรรณ ได้เก็บเงินและออกใบเสร็จให้สมาชิกทุกคน แต่ไม่เอาเงินเข้าในบัญชีธนาคาร และเก็บไปใช้เอง ทำมากว่า 20 เดือน ทางคณะกรรมการจึงได้สอบถามกับนางทิพวรรณ แต่ก็ยอมรับว่าเอาเงินไปเอง พร้อมกับจะยอมชำระคืนให้ทั้งหมดภายในวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่นางทิพวรรณกลับเฉยไม่ได้ชดใช้แต่อย่างใด และได้หายตัวไป จึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองเลย แต่พนักงานสอบสวน ให้กลับมาและมอบอำนาจให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้ามาแจ้งความ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก
ด้านนายจีราวิชช์ สุวรรณสนธิ์ กำนันตำบลนาดินดำ ได้กล่าวอีกว่า ชมรมผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ได้ตั้งมากว่าสิบปีแล้ว โดยจะเก็บเงินสมาชิกที่ประกอบไปด้วย ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ผู้ช่วย ร่วมทั้งสารวัตรกำนัน อำเภอเมืองมีสมาชิกทั้งหมด 471 คน โดยแต่ละเดือนทุกคนจะจ่ายคนละ 210 บาท เป็นค่าบำรุงชมรม 50 บาท เพื่อนำไปสนับสนุนกิจกรรมของชมรม ส่วนเงินอีก 100 บาท เป็นเงินออม และอีก 60 บาท เป็นเงินสะสมไว้ใช้หลังเกษียณ หลังจากเกิดเรื่องมีผู้เกษียณออกไปไม่ได้รับเงิน จึงเข้าตรวจสอบ พบไม่มีเงินเข้าบัญชีธนาคารเลยตลอด 20 เดือน แต่มีบัญชีและใบเสร็จรับเงินออกทุกเดือน ปกติจะมีเงินเข้าไม่ต่ำกว่า 98,910 บาทในแต่ละเดือน ซึ่งเงินถ้าเข้าบัญชีของชมรมจะมีเงินคงเหลือหักค่าใช้จ่ายไปแล้วประมาณ สองล้านสองแสนกว่าบาท แต่ในขณะนี้เงินในชมรมเหลือติดบัญชีแค่ 642,132 บาท หายไปกว่าหนึ่งล้านเจ็ดแสนกว่าบาท แต่นางทิพวรรณ สารภาพว่าเอาเงินไปใช้เพียง 1,049,814 บาท
ในส่วนจะดำเนินคดีขณะนี้เราได้ข้อตกลงจะมอบให้ทนาย เข้าแจ้งความดำเนินคดี หลังจากพนักงานสอบสวน ได้ชี้แนะให้มอบอำนาจให้ใครสักคนกล่าวโทษร้องทุกข์ แต่ยังมีสมาชิกหลายคนยังไม่เชื่อว่า นางทิพวรรณ จะทำการคนเดียว อาจมีใครร่วมโกงครั้งนี้ด้วย ในเรื่องนี้จะขอมอบให้พนักงานสอบสวนหาไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง มีหรือไม่ ต้องปล่อยเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมายจัดการต่อไป
