เมื่อเวลา 11.23 น. วันที่ 18 ตุลาคม ที่ร้านทองห้องทองจินดา ตั้งอยู่เลขที่ 157 ย่านถนนทุ่งเสา 2 เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ เมื่อมีชายต้องสงสัยอายุประมาณ 25-30 ปี ที่คาดว่าน่าจะเป็นโจรวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำ ได้นำสร้อยคอทองคำที่อยู่ในสภาพขาดครึ่งหนึ่งไปขายให้กับร้านทอง
เป็นเวลาเดียวกันกับที่นางผิวพรรณ ตันยะกุล อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายนำสร้อยคอทองคำอีกครึ่งหนึ่ง ไปเปลี่ยนสร้อยใหม่เช่นกัน และเมื่อทั้งสองคนนำทองมาชั่งบนตาชั่งอันเดียวกัน ปรากฏว่าเป็นทองลายเดียวกันเป๊ะ น้ำหนัก 2 สลึง และข้อต่อที่ขาดเข้ากันทุกอย่าง
นางผิวพรรณ ซึ่งเป็นเจ้าของก็จำได้ว่าเป็นสร้อยของตัวเองที่เพิ่งถูกสองคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์กระชากขาดไปครึ่งหนึ่งเมื่อเวลา 08.00 น. เหตุเกิดใกล้บ้านพักบริเวณถนนร่วมพัฒนา หลังห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า เขตเทศบาลเมืองคอหงส์ ขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกมาซื้อของ
รายงานข่าวว่า สอบถามชายต้องสงสัยที่นำทองมาขาย บอกว่า เป็นพนักงานเทศบาลเมืองคอหงส์ เก็บได้ในถังขยะเมื่อคืน หากไม่เชื่อก็จะไปตามพ่อมาช่วยยืนยัน แต่เมื่อทั้งเจ้าของทองและทางร้านทองยืนยันหนักแน่นว่า สร้อยทั้งสองเส้นเป็นอันเดียวกัน ชายคนดังกล่าวเริ่มแสดงอาการลุกลี้ลุกลนไปไม่ถูกและเดินออกจากร้านไป แต่ได้ถูกสามีของ นางผิวพรรณ ซึ่งเป็นทหารดักตัวเอาไว้ เพื่อรอให้ตำรวจมาก่อน แต่ชายคนดังกล่าวฉวยจังหวะวิ่งหนีไปในซอยข้างร้านทอง ยอมทิ้งรถจักรยานยนต์ซูซูกิรุ่นสกายไดร์ สีแดงขาว หมายเลขทะเบียน งจค 668 สงขลา เอาไว้หน้าร้านทอง
รายงานข่าวว่า ร.ต.ท.ภีระพัฒน์ แก้วดำ รอง สวส. (สอบสวน) และร.ต.อ.ณรงค์ สุวรรณรัตน์ รอง สว.สส. ได้มาตรวจที่เกิดเหตุและตรวจค้นเอกสารภายในรถทราบชื่อผู้ครองครองคือ นายมงคล ไชยคีรี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 ซอยชุมชนบ่อนไก่-ท่ายาง ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ และเมื่อเทียบเคียงกับชายต้องสงสัยจากภาพกล้องวงจรปิดภายในร้านทอง พบว่ามีลักษณะใกล้เคียงกัน ซึ่งทางตำรวจฝ่ายสืบสวนจะเชิญตัวมาสอบสวนอีกครั้งว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ ผู้เสียหายและเจ้าของร้านทองต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบังเอิญจนน่าเหลือเชื่อและแทบเกิดขึ้นได้ยากมาก ทั้งคนร้ายและผู้เสียหายมาพบกันในร้านทองและเวลาเดียวกัน เพราะร้านทองในหาดใหญ่มีหลายสิบแห่ง หากคนร้ายพาไปขายที่อื่นก็ไม่มีใครจับได้ หรือถ้ามาที่ร้านทองแห่งนี้คนละเวลากันก็จะไม่เจอกับเจ้าของและอาจจะขายทองได้เงินไปใช้ง่ายกว่านี้
