นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา กสทช. ได้ประชุมร่วมกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และคณะทำงาน เรื่อง การแก้ไขปัญหาทีวีดิจิทัล ภายหลังจากสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิทัล (ประเทศไทย) ได้ยื่นหนังสือต่อนายวิษณุ เพื่อขอให้ช่วยเหลือทางผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ซึ่งสำนักงาน กสทช.ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจในระบบธุรกิจทีวีดิจิทัล โดยรองนายกได้ให้ กสทช.ไปตัดสินใจแนวทางในการแก้ปัญหาว่าสิ่งใดที่กสทช.ทำได้ไม่ขัดแย้งกับระเบียบ และกฏหมาย และนำสรุปผลมารายงานต่อรองนายกเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้กสทช.ยังไม่ได้รับหนังสือเสนอคำขออย่างเป็นทางการจากสมาคมทีวีดิจิทัล
นายฐากร กล่าวว่า สำหรับแนวทางที่ผู้ประกอบการเสนอมา 3 แนวทาง หลายแนวทางเป็นสิ่งที่เกินอำนาจของ กสทช. ประกอบด้วย 1.ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ขอยกเลิกการชำระเงินค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัลในงวดที่เหลือ ซึ่งเป็นจำนวนเงินรวมราว 16,837 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36% โดยทางผู้ประกอบการอ้างว่า ขณะนี้ได้ชำระเงินไปแล้วทั้งสิ้นรวมกันจำนวน 34,817 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64% ซึ่งผู้ประกอบการชี้แจงว่าจำนวนเงินดังกล่าวถือเป็นมูลค่าที่เกินกว่าราคาตั้งต้นการประมูลหรือมูลค่าคลื่นความถี่ที่แท้จริงไปแล้ว 2.ทางผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเสนอให้นำเงินที่ได้จากการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 700 เมกะเฮิรตซ์ในอนาคตมาชดเชยค่าใบอนุญาตที่ขาดหายไปจำนวน 16,837 ล้านบาทแทน และ 3.ขอให้นำเงินที่เหลือจากการที่ประชาชนไม่ใช้สิทธิ์คูปองแลกกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล มาช่วยเหลือค่าส่งสัญญาณออกอากาศโทรทัศน์ภาคพื้นดิน หรือ MUX ซึ่งปัจจุบันช่องในหมวดความคมชัดมาตรฐาน(เอสดี) รับภาระปีละ 56.6 ล้านบาท และ ช่องหมวดความคมชัดสูง(เอชดี) รับภาระปี 169.9 ล้านบาท
“ทางกสทช.ได้รายงานทาง นายวิษณุ ไปเบื้องต้นแล้วว่าข้อเรียกร้องหลายประการ เกินกว่าอำนาจ กสทช. เช่น กฎหมายระบุว่า ต้องนำเงินที่ได้จากการประมูล และเงินที่เหลือจากการที่ประชาชนไม่ใช้สิทธิ์คูปองทีวีดิจิทัล ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินเท่านั้น ฉะนั้นการดำเนินการตามข้อเรียกร้องจึงอาจใช้กฎหมายพิเศษ หรือแนวทางอื่น” นายฐากร กล่าว
