เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ถนนหน้าพระลาน หน้าพระบรมมหาราชวัง สนามหลวง ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรี และประตูมณีนพรัตน์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในวันนี้ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศยังคงทยอยเดินทางนำดอกไม้ พวงมาลัย มากราบสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ตลอดทั้งวัน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด แต่ประชาชนก็ยังคงไม่ย่อท้อ หลายคนได้จูงบุตรหลานมาร่วมกราบด้วย
นายสมปอง จุ้ยพลับ อายุ 49 ปี ปั่นวีลแชร์จากภูเก็ต ด้วยระยะทางกว่า 800 กิโลเมตร ตลอด 12 วัน เพื่อมากราบสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมครอบครัว โดยนายสมปองเผยว่า ภรรยาขับจักรยานยนต์และลูกชายทั้งสองคนปั่นจักรยานติดตามมาด้วย โดยสลับกันปั่น ทั้งนี้ยังเผยความรู้สึกว่าตั้งใจมาเพื่อกราบลาพระองค์ ก่อนหน้านี้ก็ได้มากราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งพระราชวังดุสิต 1 ครั้ง ซึ่งก็ได้เดินทางมาด้วยการปั่นวีลแชร์เช่นกัน ตลอดระยะเวลากว่า 800 กิโลเมตร เหนื่อยและหยุดพักบ้าง แต่ไม่เคยคิดจะล้มเลิก แม้จะต้องเจออุปสรรคต่างๆ เพราะมีพระองค์เป็นแบบอย่างในด้านความอดทนและความเพียรพยายาม และรู้สึกโชคดีอาจจะด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ช่วยให้การเดินทางราบรื่น พอฝนใกล้ตก เราจะหาที่พักได้ก่อนตลอด ทำให้ไม่ต้องตากฝน
“ด้วยใจที่รักในหลวงร.9 และอยากให้คนไทยและทั่วโลกได้รู้ว่าทำไมทุกคนถึงรักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงงานหนักเพื่อให้เราได้อยู่กินอย่างสุขสบาย มากราบครั้งนี้รู้สึกดีใจที่ได้อยู่ใกล้พระองค์อีกครั้ง และตั้งใจมากราบลาเป็นครั้งสุดท้าย โดยยังคงตั้งมั่นว่าจะกลับมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯอย่างแน่นอน” นายสมปองกล่าว
ด้าน นางนาฎยา หอมชง อายุ 56 ปี เดินทางมาจากจ.นนทบุรี พร้อมครอบครัว เผยว่า ตั้งใจจะมากราบสักการะพระบรมศพหลายครั้งแล้ว แต่ด้วยภาระงานทำให้ไม่สามารถเดินทางมาได้ ครั้งนี้จึงตั้งใจไว้ว่าจะต้องมาให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต ก่อนที่จะไม่มีโอกาสแล้ว จึงเดินทางมากราบพระบรมฉายาลักษณ์ในวันนี้เป็นครั้งแรก และหลังจากได้กราบแล้วรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ทั้งนี้ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ มีความตั้งใจว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมในส่วนของจังหวัดที่จัดขึ้น เพราะตั้งใจจะร่วมส่งเสด็จพระองค์ร่วมกับครอบครัวและญาติๆ
