เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) นายมานิจ สุขสมจิตร กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ และประธานคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการสรรหาอธิการบดี มธ.ได้ดำเนินการสรรหาอธิการบดีมธ.แทนนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ.ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 23 พฤศจิกายน โดยเปิดรับสมัครและให้บุคลากร ศิษย์เก่า และนักศึกษา มธ.ได้เสนอชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี ซึ่งคณะกรรมการสรรหาได้ส่งหนังสือทาบทามผู้ที่บุคลากรและนักศึกษาเสนอชื่อมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ นางเกศินี วิฑูรชาติ อดีตคณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี นายกำชัย จงจักรพันธ์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิกาีบดีมธ. นาย ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน และนายอุดม รัฐอมฤต อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ซึ่งมีผู้ตอบรับการทาบทาม 2 รายคือ นางเกศินี และนายกำชัย คณะกรรมการสรรหาจึงให้ผู้ตอบรับการทาบทามแถลงแนวทางการบริหารมหาวิทยาลัยต่อกรรมการสภาฯ และเปิดให้ยุคลากร ศิษย์เก่า และนักศึกษามธ. รับฟังการแถลง โดยระบบประชุมทางไกล ใน 4 ศูนย์พร้อมกันคือ มธ.ท่าพระจันทร์ ศูนย์รังสิต ศูนย์ลำปาง และศูนย์พัทยา ทั้งนี้คณะกรรมการสรรหา ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาจะการสัมภาษณ์และเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมต่อสภามธ.วันที่ 30 ตุลาคมนี้ โดยนายกำชัย แถลงแนวทางการบริหารมหาวิทยาลัยตอนหนึ่งว่า ตนอยากเห็นมธ.เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ซึ่งต้องเริ่มต้นที่ความเป็นเลิศทางวิชาการ ทิศทางสำคัญคือต้องเพิ่มงานวิจัยและผลงานทางวิชาการ ที่สำคัญจะมุ่งเน้นสร้างบัณฑิตที่มีคุณธรรมและความสามารถ ด้วยองค์ความรู้ที่ทันสมัย พัฒนาสังคมไทยสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน โดยเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม จะทำให้มหาวิทยาลัยเข้าสู่การจัดลำดับของสถาบันการจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับและมธ.ต้องอยู่ในลำดับที่ดีขึ้น ภายใต้พันธกิจ ดังนี้ 1. สนับสนุนให้เกิดผลงานวิชาการและงานวิจัยที่มีคุณภาพพัฒนาความร่วมมือกับองค์กรวิชาการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างบัณฑิตที่มีคุณธรรมและพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต นำเอาปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง หลักการทรงงานและดำเนินชีวิตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 มาถ่ายทอดปลูกฝังให้บัณฑิต
นายกำชัย กล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคมไทย ย้ำจุดยืนด้านวิชาการที่ไม่ใช่ธุรกิจการศึกษา ยุทธศาสตร์ที่ 4ร่วมนำประเทศด้วยองค์ความรู้ที่บูรณาการองค์ความรู้ในการพัฒนาประเทศ 5 สร้างระบบสนับสนุนสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างความโปร่งใสในการบริหารงานทุกศูนย์ ยึดหลักธรรมาภิบาลโดยการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาคมภายใต้หลักการ ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ เพื่อทำให้แผนงานต่างๆ มีความสมบูรณ์และครบถ้วน และยุทธศาสตร์ที่ 6 รักษาความเป็นไทย และอัตลักษณ์ธรรมศาสตร์ จะทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมเสริมสร้างภาพลักษณ์การเป็นมหาวิทยาลัยของประชาชน
“จุดอ่อนของมธ.ขณะนี้ เท่าที่ผมได้สัมผัส คิดว่าคนมธ.ไม่มีความสุข ซึ่งที่ผ่านมาผมได้รับการร้องเรียนต่างๆ เข้ามาบ้าง โดยเฉพาะกรณี การหักเงินเดือนอาจารย์และเจ้าหน้าที่เพื่อไปขึ้นเงินเดือนให้ผู้บริหารที่ทำคุณประโยชน์ให้มหาวิทยาลัย ซึ่งส่วนตัวคิดว่า การปรับเพิ่มเงินเดือนในส่วนใดควรมีการประเมินที่เป็นธรรม ส่วนแผนในการจัดหางบฯ พัฒนามหาวิทยาลัยนั้น จะใช้เครือข่าย ซึ่งผมได้ทำงานร่วมกับองค์กรภายนอกรวมถึง ศิษย์เก่า คณาจารย์และผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนผม เชื่อว่าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือแน่นอน”นายกำชัยกล่าว
นางเกศินี กล่าวว่า มธ.ต้องเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการสร้างผู้นำรุ่นใหม่เพื่อสังคมไทยและนานาชาติ จะสร้างความโดดเด่นทางวิชาการที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งระดับชาติและนานาชาติ ด้วยการระดมทรัพยากรจากทุกฝ่ายในการพัฒนาทั้งด้านหลักสูตรใหม่ๆ ทั้งหลักสูตรภาษาไทยและหลักสูตรนานาชาติที่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก รวมถึงการสร้างสรรค์ผลงานวิจัย ผลงานทางวิชาการ และกิจกรรมทางวิชาการต่างๆ ที่จะสร้างผลงานที่จะไปช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงรวมถึงสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมตามยุทธศาสตร์ของประเทศ ทั้งที่เป็นสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน หน่วยงานไม่แสวงหากำไร รวมไปถึงองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อมาขับเคลื่อนโครงการเชิงนวัตกรรมที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งระดับหน่วยงาน ระดับประเทศ และระดับภูมิภาคไปจนถึงระดับโลก โดยเริ่มต้นจากโครงการที่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของประเทศมาดำเนินการก่อน โดยบูรณาการ คน เงิน ระบบงาน บนฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อทำให้มหาวิทยาลัยทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตามแนวคิดความเป็นองค์กรเพรียวกระชับ ลดขั้นตอนการทำงานที่ยืดเยื้อ ซ้ำซ้อน ลดภาระงานที่ไม่จำเป็น ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากเทคโนโลยีที่จะทำให้คนทำงานทุกคนทำงานอย่างสมาร์ทมากขึ้น ใช้เวลา ใช้คน ใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงที่สุด
