เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นางแสงระวี บงกชมาศ ชาวกระบี่ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกและเข้าครอบครองพื้นที่ป่าไม้และอุทยานฯ จังหวัดกระบี่ จึงถูกศาลพิพากษาลงโทษ และในเวลาต่อมาที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกบุคคลอื่นนำไปออกเอกสารสิทธิ์เต็มที่แปลงอย่างถูกต้องเข้าร้องทุกข์และมาติดตามความคืบหน้าของคดี หลังเคยร้องดีเอสไอมามาแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2552 โดยมี พ.ต.ท.มนตรี บุญยโยธิน ผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับเรื่อง
นางแสงระวี กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยมาร้องให้ดีเอสไอช่วยแล้ว แต่ผ่านมาประมาณ 8 ปียังไม่มีความคืบหน้าในคดี เดิมที่ดินผืนนี้ จำนวน 75 ไร่ ติดทะเลในพื้นที่ต.หนองทะเล อ.เมืองจ.กระบี่ ครอบครองมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อก่อนปี 2500 แต่เมื่อปี 2545 เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มาแจ้งว่าตนเองครอบครองบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนางหางนาง แจ้งความดำเนินคดีและทำการยึดคืนพื้นที่ไป รวมประมาณ 26 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดทะเลทั้งหมด ซึ่งไปออกโฉนดที่ดินอย่างถูกกฎหมาย รวม 33 แปลง ให้กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ทั้งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และทนาย ซึ่งตนยืนยันมาตลอดว่าได้ครอบครองตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ ขณะที่พื้นที่ติดกันโดยรอบ ซึ่งติดทะเลเช่นเดียวกันที่เป็นของนายตำรวจเจ้าหน้าที่กลับไม่ดำเนินการเอาผิดเช่นตน ที่ผ่านมาได้ดำเนินการต่อสู้คดีมา ตั้งแต่ปี 2545 จนศาลมีการออกคำสั่งห้ามใช้ประโยชน์ในพื้นที่ระหว่างดำเนินคดี จึงได้มาร้องเรียนดีเอสไอ ให้ช่วยเหลือตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐว่าชอบโดยกฎหมาย และมีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคนบางกลุ่มหรือไม่
ด้าน พ.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ดีเอสไอได้ดำเนินการมาแล้วในอดีต โดยได้สอบสวน จนได้พยานหลักฐาน ขอให้ดำเนินการเพิกถอนโฉนด จำนวน 33 แปลง ที่น่าจะออกโดยมิชอบ รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่รัฐ ปฏิบัติหน้าที่อาจจะเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ จำนวน 5 คน โดยส่งมอบเรื่องให้แก่เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2552 ดำเนินการต่อ แต่จนถึงขณะนี้คดีในชั้น ป.ป.ช.ยังไม่แล้วเสร็จ ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐคดียังอยู่ในอายุความ (10-15 ปี) ส่วนบุคคลที่มีส่วนสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดนั้นหมดอายุความไปแล้ว หลังจากนี้จะได้ประสานกับ ป.ป.ช.เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีต่อไป .
