หนุ่มตรังยอมรื้อบ้านสร้างทับที่สาธารณะ แจ้งเอาผิดเทศบาลตรัง ปล่อยให้อีกหลังยังอยู่

หนุ่มตรังโร่แจ้งความฟัน ม.157 ช่างเทศบาลนครตรังละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ทำมึนปล่อยให้มีการสร้างอาคารทับบนถนนสาธารณะใจกลางเมือง

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ตุลาคม 2560 นายนราวิชญ์ วังสโรจน์ อายุ 38 ปี ชาวตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ร้องเรียนสื่อมวลชนว่า ตนได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองตรังเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อนายประยุทธ จงไกรจักร นายช่างโยธาชำนาญงาน นายช่างควบคุมอาคาร เทศบาลนครตรัง ซึ่งมีอำนาจเป็นผู้รับผิดชอบช่างชี้แนวเขตพื้นที่ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ โดยมี ร.ต.อ.หญิงโสภา มีเจ้ย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง รับแจ้งความ

นายนราวิชญ์กล่าวว่า สาเหตุที่ตนต้องร้องขอความเป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรม ด้วยเหตุที่อาคารของตนตั้งอยู่บนที่ดินริมถนนวิเศษกุล อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งที่ดินเป็นหัวมุมถนนสาธารณะตามระวางโฉนดที่ดิน ต่อมาได้รับคำสั่งให้รื้อถอนอาคารในส่วนที่รุกล้ำถนนสาธารณะ ตามคำสั่งเทศบาลนครตรัง ลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2559 อ้างมาตรา 42 พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ลงนามโดยนายสาโรช คงนคร รองนายกเทศมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกเทศมนตรีนครตรัง โดยมีอาคารได้รับคำสั่งรื้อถอนในส่วนที่รุกล้ำด้วยกันทั้งหมดจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย ของตน, นางพัชนี ธรรมพานิชย์ ซึ่งรื้อถอนส่วนรุกล้ำไปแล้ว และของนายกนกพล จันทนกาญจน์ แต่ปรากฏว่าอาคารของนายกนกพล ปัจจุบันยังไม่มีการรื้อถอนแต่อย่างใด

นายนราวิชญ์กล่าวว่า ที่ต้องมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายประยุทธ ก็เพราะเห็นถึงความเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ที่ดำเนินการเร่งรื้อเพียง 2 ราย โดยเฉพาะของตน ได้รับคำสั่งรื้อซ้ำแล้วซ้ำอีก ตนเคยไปพบเพื่อหารือกับนายประยุทธ แต่นายประยุทธพูดจาไม่ดีและบอกว่าในส่วนของตนยังต้องรื้ออีก ขณะที่อีกอาคารที่อยู่ใกล้กันนั้นปรากฏว่าก่อสร้างทับอยู่บนถนนสาธารณะชัดเจน โดยถนนสาธารณะดังกล่าวมีปรากฏชัดเจนทั้งในระวางโฉนดที่ดินข้างเคียงทั้ง 3 แปลง รวมถึงระวางผังเมืองรวมของเทศบาลนครตรัง แต่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกลับไม่ดำเนินการ กลับมารุกไล่รายอื่นอย่างเต็มที่ เช่นนี้ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

Advertisement

“เรื่องนี้ถือเป็นการออกมาเรียกร้องของประชาชนคนธรรมดาต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ หากใครสามารถมาสร้างอาคารทับถนนสาธารณะใจกลางเมืองได้แบบนี้ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายก็มีตัวตนอยู่ บ้านเมืองจะอยู่กันอย่างไร ที่ผมต้องออกมาเรียกร้องแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ ก็เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานให้เกิดความเป็นธรรมต่อสังคม ไม่ได้เป็นเพราะอาคารของผมถูกรื้อ เราเป็นประชาชนก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ในส่วนที่ละเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายนั้น สังคมก็ต้องช่วยกันตั้งคำถามว่า เหตุการณ์แบบนี้ยังมีที่อื่นๆ ด้วยหรือไม่” นายนราวิชญ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจกรณีดังกล่าว พบว่าที่ดินทั้ง 3 แปลงตั้งอยู่ริมถนนวิเศษกุลซึ่งเป็นย่านใจกลางเมืองตรัง โดยที่ดินของนายนราวิชญ์นั้นอยู่ด้านมุมปากทางเข้าถนนสาธารณะซึ่งมีปากทางกว้าง 6 เมตรเศษ เมื่อเทียบกับโฉนดที่ดิน ปรากฏว่าระวางที่ดินได้ระบุมีถนนสาธารณะดังกล่าวจริง แต่ปรากฏว่าได้มีอาคารก่อสร้างปิดทางเข้าถนนสาธารณะไว้เต็มพื้นที่ ซึ่งหากมองด้วยตาเปล่าโดยที่ไม่ทราบข้อมูลระวางที่ดินมาก่อน จะไม่ทราบเลยว่าจุดดังกล่าวเป็นถนนสาธารณะ เมื่อสอบถามจากชาวบ้านใกล้เคียง หลายคนไม่ทราบมาก่อนว่าจุดดังกล่าวเป็นถนนสาธารณะ เนื่องจากมีการก่อสร้างปิดบังปากทางถนนมากันอย่างยาวนาน จนกระทั่งเกิดกรณีพิพาทหลังมีคำสั่งรื้ออาคารในส่วนรุกล้ำของรายอื่นๆ แต่กลับไม่มีการดำเนินการรื้อถอนอาคารทั้งหลังที่สร้างทับบนถนนสาธารณะแบบปิดปากทางแต่อย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image