เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 ตุลาคม ที่ศูนย์สื่อมวลชนฯ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (กอร.พระราชพิธีฯ) จัดแถลงข่าวเรื่องการปิดการจราจร การอำนวยความสะดวก และการดูแลประชาชนที่เข้าชมพิธีซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศเสมือนจริงในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า เนื่องในวันที่ 21-22 ตุลาคม จะมีการซ้อมใหญ่เสมือนจริงริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ 1, 2, 3 และ 6 นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเริ่มปิดการจราจรระดับที่ 1 ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของวันที่ 20 ตุลาคม ใน 18 เส้นทางรอบพระบรมมหาราชวัง และมณฑลพิธีท้องสนามหลวงเป็นต้นไปจนเสร็จสิ้นพิธีในวันที่ 22 ตุลาคม ได้แก่ ถนนราชดำเนินกลาง จากแยกผ่านพิภพ ถึงแยกผ่านฟ้าทั้งสองฝั่ง, ถนนราชดำเนินนอก จากแยกผ่านฟ้า ถึงแยก จปร., ถนนหลานหลวง จากแยกหลานหลวง ถึงแยกผ่านฟ้า, ถนนคู่ขนานลอยฟ้า (บรมราชชนนี) จากทางร่วมสะพานพระราม 8 ถึงทางขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า, ถนนตะนาว จากแยกคอกวัว ถึงแยกถนนพระสุเมรุ ตัดถนนบวรนิเวศ, ถนนดินสอ จากแยก กทม. ถึงแยกสะพานวันชาติ, ถนนมหาไชย จากแยกสำราญราษฎร์ ถึงป้อมมหากาฬ, ถนนพระสุเมรุ จากแยกป้อมมหากาฬ ถึงแยกสะพานวันชาติ, ถนนราชินี จากแยกปากคลองตลาด ถึงแยกผ่านพิภพ, ถนนอัษฎางค์ จากแยกพระพิทักษ์ ถึงแยกผ่านพิภพและ ถนนมหาราช จากแยกพระจันทร์ ถึงแยกปากคลองตลาด
พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าวอีกว่า ขณะที่วันที่ 22 ตุลาคม จะดำเนินการปิดจราจรเพิ่มเติมเป็นระดับที่ 2 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ในวันดังกล่าว รวม 27 เส้นทาง ได้แก่ แยกพานิชยการ, ถนนนครสวรรค์, ถนนจักรพรรดิ์พงษ์, แยกหลานหลวง, แยกผ่านฟ้า, ถนนมหาชัยถึงแยกสำราญราษฎร์, ถนนบำรุงเมืองถึงเสาชิงช้า และถนนอัษฎางค์ ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาชมริ้วขบวน เนื่องจากเราไม่ได้เตรียมรองรับเรื่องที่จอดรถไว้ให้ จึงขอความร่วมมือให้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อเข้ามายังจุดคัดกรอง 9 จุด ได้แก่ 1.บริเวณแยกสะพานมอญ 2.ท่าช้าง 3.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 4.แม่พระธรณีบีบมวยผม 5.ถนนกัลยาณไมตรี 6.แยกสะพานช้างโรงสี 7.แยกวัดพระเชตุพนฯ 8.ท่าพระจันทร์ และ 9.ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งมาก่อนก็ได้เข้าก่อน หากประชาชนรอบในล้นแล้ว ประชาชนที่มาที่หลังจะต้องรับชมอยู่รอบนอกเท่านั้น
นายวันชัย ถนอมศักดิ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.ได้อำนวยความสะดวกประชาชนที่จะมาร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยได้ตั้งจุดอาหารประกอบเลี้ยง 22 จุด เพื่อทำอาหารแจกประชาชนให้ได้ 1.5 ล้านกล่องต่อวัน และคาดการว่าจะต้องทำรองรับเพื่อแจกประชาชนที่มาร่วมพระราชพิธี 2.6 ล้านกล่อง ส่วนบริการน้ำดื่ม ขณะนี้ได้รองรับไว้แล้ว 2 ล้านขวด แต่หากภาคเอกชนสนใจจะบริจาคเพิ่ม กทม.ก็พร้อมรับบริจาคอีก ทั้งนี้ จุดบริการอาหารและน้ำดื่ม 119 จุด จะตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงพระเมรุมาศจำลอง และซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ รวม 113 แห่ง ส่วนการดูแลด้านพยาบาล กทม.ได้ตั้งเต็นท์รอบมณฑลพิธีท้องสนามหลวง 34 จุด ส่วนบริการด้านสุขา กทม.ได้จัดบริการรถสุขาเคลื่อนที่ 70 คัน และตู้สุขา 150 ตู้ รวมถึงได้ขอความร่วมมือไปยังวัด โรงเรียน และภาคเอกชนเพื่อขอใช้สุขา ขณะนี้ตอบรับมาแล้ว 65 แห่ง สามารถรองรับได้ 5,500 ห้องสุขา ซึ่งประชาชนสามารถสังเกตห้องน้ำที่เปิดให้บริการนี้ได้ จากสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ห้องสุขาพื้นหลังสีน้ำเงินจะติดอยู่เบื้องหน้าองค์กรนั้นๆ
นายวันชัยกล่าวอีกว่า กทม.ยังได้อำนวยความสะดวกเรื่องที่พักประชาชน ซึ่งคาดการว่าจะทยอยเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม จึงได้ขอความร่วมมือวัด โรงเรียน และศูนย์เยาวชนในกรุงเทพฯ เพื่อเป็นสถานที่พักคอยระหว่างงานพระราชพิธี ซึ่งขณะนี้มีจำนวนทั้งหมด 164 แห่ง สามารถรองรับประชาชนได้ 27,210 คนต่อวัน โดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วนกทม. 1555 รวมถึงเว็บไซต์ www.prbangkok.com และ www.kingrama9.net
“ขณะนี้กทม.ได้เตรียมดอกไม้จันทน์ไว้ 13 ล้านดอก ซึ่งคิดว่าจะเพียงพอแจกประชาชนในวันพระราชพิธี ขณะที่พระจิตกาธานสำหรับเผาดอกไม้จันทน์ ซึ่งจะเผาพร้อมที่มณฑลท้องสนามหลวงในเวลา 22.00 น. คาดว่าจะจัดสร้างแล้วเสร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ภายในวันที่ 21 ตุลาคมนี้” นายวันชัยกล่าว
นายพรพิทักษ์ แม้นศิริ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า จากการประชุม กอร.พระราชพิธี ที่กระทรวงกลาโหมเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ซึ่งมี พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน ที่ประชุมได้รับทราบกระแสพระราชดำรัสสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่ง พล.ร.อ.ปวิตร รุจิเทศ รองสมุหราชองครักษ์ กรมราชองครักษ์ เชิญพระราชกระแสรับสั่งมาว่า “ทรงทราบว่าทุกคนตั้งใจทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อย ซึ่งถือเป็นขวัญกำลังใจที่ดีที่สุด จึงขอให้ปฎิบัตหน้าที่ด้วยความภาคภูมิใจ เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตเป็นเกียรติประวัติ ภารกิจสำเร็จไม่มีข้อผิดพลาด และมีความสุขที่ได้ถวายงาน”
นายพรพิทักษ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมร่วม กอร.พระราชพิธี ได้พิจารณาเพิ่มพื้นที่ให้ประชาชนเข้ามาชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศในวันที่ 21 และ 26 ตุลาคม ใน 3 จุดรอบกำแพงพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่สนามหญ้าหน้ากำแพงพระบรมมหาราชวังบริเวณถนนมหาราช ตั้งแต่ประตูเทวาภิรมย์ไปถึง ถนนท้ายวัง ถนนสนามไชย ยกเว้นบริเวณด้านหน้าพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน ทั้งนี้ เพื่อรองรับประชาชนให้มากที่สุด ส่วนจะรองรับเพิ่มอีกเท่าไหร่นั้น ขณะนี้กำลังคำนวนอยู่ นอกจากนี้ ขณะนี้ กระทรวงคมนาคม ได้จัดพิมพ์แผ่นพับเกี่ยบวกับเส้นทางการจราจรทั้งทางบก เรือ อากาศ จำนวน 3 แสนฉบับ เพื่อไว้ใช้สำหรับแจกให้แก่ประชาชนเพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสารการเดินทาง โดยจะแจกในจุดที่มีการคมนาคมหลักๆ อาทิ BTS MRT และจุดโดยสารอื่นๆ และจะมีการเพิ่มช่องทางในการติดต่อสื่อสาร จากเดิมประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ได้ที่ 1441 และเว็บไซต์ www.kingrama9.net ทั้งนี้ ยังเปิดช่องทางสอบถามในแอพพลิเคชั่นไลน์ ที่ประชาชนชนสามารถเข้าแอดไลน์เข้าไปในชื่อ 1441 สามารถรองรับประชาชนได้ 3 แสนคน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงเย็นนี้ต่อไป
นายพรพิทักษ์ กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งมีนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ประชุมไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติให้คืนสีโทรทัศน์ทุกช่องตามเดิมตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 20 ตุลาคมเป็นต้นไป เพื่อให้โอกาสประชาชนได้รับชมภาพความสวยงามพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพได้อย่างเต็มอิ่ม และไม่ให้เศร้าโศกไปมากกว่านี้ แต่ในส่วนรายการโทรทัศน์ต่างๆให้เป็นไปตามข้อปฏิบัติเดิม คืองดรายการตลก รวมถึงมีมติเห็นชอบให้สื่อมวลชนสามารถนำภาพของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจไปออกอากาศคู่ขนานได้ในสื่อของตัวเอง อาทิ การไลฟ์สตรีมสด แต่ต้องระมัดระวังการแสดงความเห็น อาทิ การอันไลค์ การแสดงความคิดเห็น ซึ่งสื่อมวลชนที่ออกอากาศนั้นต้องรับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้สำหรับการซ้อมโขนเสมือนจริงในช่วงหัวค่ำวันที่ 20 ตุลาคม ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ามาถ่ายภาพและเผยแพร่ภาพการซ้อม เนื่องจากโขนเป็นศิลปะชั้นสูงจึงอยากให้รับชมพร้อมเพรียงกัน
“คณะกรรมการยังหารือเรื่องการใช้ไม้เซลฟี่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายและสร้างความรำคาญแก่ประชาชนที่มาชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศคนอื่นๆ รวมถึงเก้าอี้สามขา เพื่อให้ตัวเองได้นั่งชมริ้วขบวนสูงกว่าประชาชนคนอื่น ที่ประชุมจึงได้ขอความร่วมมือให้งดการนำอุปกรณ์เหล่านี้เข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจและไม่ปล่อยให้อุปกรณ์เหล่านี้ผ่านจุดคัดกรอง ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่การซ้อมเสมือนจริง 21 ตุลาคม”
