สปส.ตอบเพิ่มเงินสมทบ 1,000 บาท ผู้ประกันตนได้อะไร! คปค.ขอเปิดโอกาสทายาทรับเงินออมทุกกรณี

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) กล่าวถึงประเด็นเรื่องการเพิ่มเงินสมทบของผู้ประกันตนสูงสุด 1,000 บาท จากปัจจุบันเก็บที่ 750 บาท ว่า ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องเดิมที่มีการศึกษากันมานาน และผ่านการประชาพิจารณ์มาแล้ว 4 ภาค ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน  – 31  ธันวาคม 2559 ซึ่งร้อยละ 80 เห็นด้วยในการปรับเพดานค่าจ้างขึ้น จากปัจจุบันคิดจากฐานค่าจ้างที่ใช้ในการคำนวณเงินสมทบเพดานสูงสุดอยู่ที่ 15,000 บาท เป็น 20,000 บาท แทน แต่ตัวเลขที่หักจ่ายสมทบยังคงคิดอัตราร้อยละ 5 เหมือนเดิม ดังนั้น ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเพิ่มจากเดิมประมาณ  750 บาทเป็นสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน  ขณะที่ฐานคำนวณเพดานขั้นต่ำเดิมคิดอยู่ที่ 1,650 บาท เพิ่มเป็น 3,600 บาท  หมายความว่าผู้ประกันตนที่มีเงินเดือนขั้นต่ำอยู่ที่ 3,600 บาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกจ้างรายวันจะต้องจ่ายสมทบเพิ่มประมาณ 110 บาทต่อเดือนจากเดิม 83 บาท

“โดยการปรับเพิ่มเงินสมทบ จะมีการเพิ่มของประโยชน์ทดแทนต่างๆเพิ่มด้วยกว่าครึ่ง ทั้งเงินช่วยเหลือการว่างเงิน การสงเคราะห์การคลอด สงเคราะห์บุตร หรือการเพิ่มเงินบำนาญชราภาพรายเดือน หรือแม้แต่กรณีเจ็บป่วย ซึ่งเดิมได้รับสิทธิอยู่แล้ว แต่เมื่อเพิ่มจ่ายเงินสมทบ สิทธิต่างๆก็เพิ่มขึ้น ซึ่งหากสงสัยสอบถามข้อมูลได้ที่โทร.1506   ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมยังคงยึดมั่นในหลักการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลปัจจุบัน  และขอยืนยันไม่ถึงแตกแน่นอน  ผู้ประกันตนมีความมั่นใจว่ากองทุนประกันสังคมเงินเพียงพอที่จะจ่ายบำนาญชราภาพได้อีกยาวนาน” เลขาธิการสปส.กล่าว

นพ.สุรเดช กล่าวถึงข้อท้วงติงที่ผู้ประกันตนห่วงว่า เก็บเงินสมทบเพิ่ม แล้วเงินบำนาญชราภาพที่มีปัญหาเรื่องเกษียณเสียชีวิต เงินส่วนนี้จะตกที่ใคร ว่า    ส่วนเงินออมบำนาญชราภาพที่อยู่ในกองทุนนั้น เป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขให้แก่ผู้สูงวัยในระบบทั้งหมด แต่ไม่ใช่ว่าผู้ประกันที่ออมเงินไว้กับกองทุนจะไม่ได้อะไรเลย เพราะข้อเท็จจริงแล้ว  หากผู้ประกันตนทำงานมาและเก็บเงินออมไม่ถึง 15 ปีตามกฎหมายก็จะได้เงินคืนเมื่ออายุถึง 55 ปีหรือเกษียณอายุทำงาน หมายความว่า หากผู้ประกันตนอายุ 55 ปี ทางสปส.จะมีหนังสือแจ้งก่อนเกษียณ 3 เดือนอยู่แล้วเพื่อให้มารับเงินก้อนนี้ได้ หรือหากเสียชีวิตก่อนเกษียณ หรือหลังเกษียณแล้วก็ตาม ในส่วน 15 ปีที่ออมเราคืนให้ทั้งผู้ประกันตน และทายาท

ด้านนายมนัส โกศล ประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) กล่าวว่า เครือข่ายเห็นด้วยเรื่องการเพิ่มเพดานเงินสมทบ เพราะลูกจ้างจะมีเงินออมชราภาพเพิ่มขึ้น จาก 900 บาท เป็น 1,200 บาทต่อเดือน แต่ถ้าเพิ่มเงินสมทบสิทธิต่างๆก็ต้องดีขึ้นด้วย รวมทั้งเรื่องช่องโหว่อื่นๆอีก อย่างปัญหาสำคัญคือกองทุนบำนาญชราภาพ  เพราะหากผู้ประกันตนเกษียณอายุ 55 ปี ปกติจะได้รับเงินบำนาญฯ รายเดือน ถ้าเสียชีวิตภายใน 60 เดือน หรือประมาณ 5 ปีจะได้รับเงินเป็น 10 เท่า คูณด้วยเงินชราภาพ แต่ถ้ามีเงินออมประมาณ 200,000 บาท เงินที่เหลือ 170,000 ทายาทจะไม่ได้ จะตกอยู่กับประกันสังคมทั้งหมด

Advertisement

“ส่วนที่นพ.สุรเดชกล่าวว่าได้รับเป็นเงินก้อน อันนั้นคือเงินบำเหน็จที่ผู้ประกันตนออมไว้ 15 ปี แต่หากเสียชีวิตและทางสปส.ส่งหนังสือไปยังทายาท และหากทายาทไม่มาติดต่อภายใน 2 ปี เงินจะเข้ากองทุนทันที รวมทั้งกรณีเงินทดแทนการเสียชีวิตที่จะให้เป็น 10 เท่านั้น มีเงื่อนไขคือ ถ้าเกษียณแล้วต้องเสียชีวิตภายใน 6 เดือน ถึงจะได้รับ  ซึ่งเรื่องพวกนี้ ถามว่าผู้ประกันตนทราบเรื่องนี้สักกี่คน    เรื่องนี้ต้องคุยยาวๆ เพราะคนไม่เข้าใจเยอะ และกรณีการจะปรับแก้กฎหมายให้ทายาทรับเงินออมบำนาญได้แต่เฉพาะเคสจำเป็น ต้องถามว่าจะแยกอย่างไร คนไหนจนคนไหนจำเป็น ก็ไม่ต่างจากบัตรคนจน ทั้งๆที่ควรให้เสมอภาคทุกคน ซึ่งทางเครือข่ายฯ จะเตรียมเข้าพบทางสปส.เพื่อหารือช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ “นายมนัส กล่าว

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image