หนุ่มน้อยวัย 17 ปี พ่อแม่แยกทาง ทิ้งให้ย่าแก่เฒ่าดูแลตั้งแต่แบเบาะ ซ้ำร้ายป่วยโรคหัวใจโตผิดปกติ รับภาระเลี้ยงดูย่าที่แก่เฒ่า วัย 81 ปีเพียงลำพัง ร่างกายอ่อนแอ ไม่มีอาชีพ อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ขณะที่จิตอาสาประชารัฐ อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมหาแนวทางช่วยเหลือหลัง พบตกหล่นบัญชีผู้พิการ ฐานะยากจน
วันที่ 21 ตุลาคม 2560 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 162 หมู่ที่ 7 บ้านห้วยผึ้ง ต.นิคมห้วยผึ้ง อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ ที่เป็นบ้านที่อยู่อาศัยของนางสอน อนุพนัน อายุ 81 ปี และนายเจริญชัย หรือหลอด อนุพนัน อายุ 17 ปี หลานชายร่างกายไม่แข็งแรงและไม่สมบูรณ์ คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง โดยทั้งสองชีวิตได้ย้ายมาอาศัยบ้านของลูกสาวที่มีสภาพดีกว่าบ้านเดิมที่เป็นกระต๊อบเก่าทรุดโทรมอยู่ติดกัน ฐานะทางครอบครัวยากจน ลูกหลานอพยพย้ายถิ่นฐานไปขายแรงงานต่างถิ่น โดยนายกิตติศักดิ์ บรรเลงชื่น คณะกรรมการจิตอาสาประชารัฐ อ.ห้วยผึ้งและคณะกรรมการ ได้เข้าสอบถามความเป็นอยู่ และตรวจสอบรายละเอียด ก่อนจะส่งเรื่องรายงานไปยังศูนย์จิตอาสาประชารัฐเพื่อสังคม จ.กาฬสินธุ์ และรายงานตรงไปยังนายบำรุง คะโยธา ประธานคณะกรรมการจิตอาสาประชารัฐเพื่อสังคม จ.กาฬสินธุ์
ทันทีที่นางสอน อนุพนัน ได้เห็นผู้คนเข้ามาเยี่ยมถามข่าวก็ร้องไห้ขึ้นมาทันที แม้สภาพร่างกายไม่แข็งแรงก็ยังอยากพูดคุย ยกมือไหว้ขอบคุณเป็นระยะ ขณะที่น้องหลอดนั่งป้อนข้าวย่าสอน และปรนนิบัติไม่ห่างทั้งร้องดีใจที่เห็นคนเข้ามาสอบถาม และจะให้ความหวังในการช่วยเหลือ ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้พบเหตุการณ์แบบนี้ โดยทั้งสองคนอาศัยอยู่บ้านของป้าน้องหลอด เป็นบ้านชั้นเดียวภายในบ้านไม่มีการทำความสะอาด ขณะที่ย่าสอนและน้องหลอด สวมใส่เสื้อผ้าเก่า ขาดและโทรม โดยนางจันทร์สว่าง ศรีบง อายุ 40 ปี อาน้องหลอดบ้านใกล้กันเป็นผู้ดูแล แต่ก็มีฐานะยากจนมีอาชีพรับจ้างทั่วไปและต้องดูแลครอบครัว ขณะที่ลูกคนอื่น ๆ ของย่าสอนก็ส่งเงินใช้บ้างแต่ก็ยังอยู่แบบขัดสน โดยเฉพาะน้องหลอดที่ป่วยเป็นโรคหัวใจโตตั้งแต่กำเนิด ต้องสิ้นเปลืองค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ มากมาย
นายกิตติศักดิ์ บรรเลงชื่น คณะกรรมการจิตอาสาประชารัฐเพื่อสังคม อ.ห้วยผึ้ง กล่าวว่า คณะกรรมการจิตอาสาประชารัฐเพื่อสังคม จ.กาฬสินธุ์ และระดับอำเภอ ได้ดำเนินกิจกรรมในการช่วยเหลือสังคมแบบสาธารณะ ส่วนหนึ่ง เป็นการทำความดีเพื่อแผ่นดินเกิด ในอีกส่วนหนึ่งก็เป็นจิตอาสาราชประชาสมาสัยฯ เป็นการทำความดีเพื่อพระราชา โดยจิตอาสาใน จ.กาฬสินธุ์ ทุกคนได้น้อมนำแนวพระราชดำรัส และเดินตามรอยพ่อหลวงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในการทำกิจกรรมเพื่อสาธารณะโดยไม่หวังผลตอบแทนการเข้าช่วยเหลือบรรเทาทุกข์และความเดือดร้อน โดยทางจิตอาสาประชารัฐเพื่อสังคม จ.กาฬสินธุ์ ได้แจ้งให้ระดับอำเภอตรวจสอบและค้นหาผู้เดือดร้อนในกรณีต่าง ๆ จนกระทั่งได้พบกับครอบครัวน้องหลอดที่มีฐานะทางครอบครัวนี้ค่อนข้างยากจน สภาพความเป็นอยู่ยังไม่ถูกสุขลักษณะ ดีที่ได้ย้ายมาอยู่บ้านของลูกสาวอีกหลัง แต่ยังไม่มีการจัดการด้านสุขอนามัย
จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่านางสอน อนุพนัน อายุ 81 ปี ชราภาพมากพิการทางหู มาหลายสิบปี ตามองไม่เห็น และด้วยอายุที่มากขึ้นสภาพร่างกายก็โรยรา ทั้งยังหลงลืมจำลูกหลานไม่ได้ในบางครั้ง โดยนางสอน มีลูกทั้งหมด 5 คน พ่อของนายเจริญชัย หรือน้องหลอด เป็นลูกชายคนที่ 2 ได้เลี้ยงน้องหลอดมาตั้งแต่เด็ก หลังพ่อและแม่แยกทางกันและทิ้งไว้ให้นางสอนซึ่งเป็นย่าเลี้ยงดู ก่อนหน้านี้ยังแข็งแรงก็ออกรับจ้างทั่วไปมาเงินมาเลี้ยงดูหลาน กับเงินเบี้ยยังชีพผู้พิการของนางสอนที่เป็นผู้พิการทางหู และเบี้ยยังชีพคนพิการของน้องหลอด ก็ยังพออยู่ได้
นายกิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่าระยะหลังนางสอนอายุมากขึ้น มีอาการหลงๆลืมๆ ร่างกายไม่แข็งแรง จนไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้ สองชีวิตได้อาศัยเพียงเงินเบี้ยยังชีพผู้พิการและผู้สูงอายุของนางสอนซื้อข้าวปลาอาหารประทังชีวิต บางเดือนดีหน่อยลูกหลานก็พอส่งให้บ้าง แต่สำหรับน้องหลอด เงินเบี้ยยังชีพผู้พิการตอนนี้ไม่ได้รับ เพราะทางแพทย์ไม่เซ็นต์รับรองให้จึงถูกตัดสิทธิ์ ในส่วนของการช่วยเหลือทางจิตอาสาประชารัฐเพื่อสังคม จ.กาฬสินธุ์ ทันทีที่รายงานเรื่องต่าง ๆ เข้าไปทางศูนย์ประสานงานฯ ได้ขอมติคณะกรรมการอนุมัติเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 4,000 บาท โดยมอบให้น้องหลอด 1,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 3,000 บาท ทางคณะกรรมการได้ดำเนินการเปิดบัญชี และเป็นทุนในการดำเนินการต่อยอด เพื่อช่วยเหลือน้องหลอดและนางสอนต่อไป โดยคณะกรรมการจิตอาสาประชารัฐเพื่อสังคม อ.ห้วยผึ้ง จะเป็นผู้ดำเนินการให้ทั้งหมด โดยมีญาติของนางสอนและน้องหลอดเข้ามาร่วมด้วย
นางจันทร์สว่าง ศรีบง อายุ 40 ปี อาน้องหลอด กล่าวว่า ร่างกายของน้องหลอดผิดปกติตั้งแต่เกิด และเมื่อโตขึ้นก็พบว่าเป็นโรคหัวใจโต อาหารป่วยก็เริ่มหนักขึ้นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลนานทีเป็นเดือน จนไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนกับคนอื่นๆ แม้ในตอนนี้หลอดจะอายุ 17 ปี ร่างกายกลับเหมือนเด็กอายุ 10-11 ขวบ ตัวเล็กสูงประมาณ 140 ซม. ตัวผอม เรื่องการรักษาทางญาติยังติดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายการเดินทาง ตอนนี้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเพราะต้องดูแลทั้งนางสอนที่แก่ตัวลงมาก ซึ่งน้องหลอดเองก็เป็นคนปรนนิบัติย่าทุกอย่างทั้งป้อนข้าวป้อนน้ำ และดูแลเรื่องส่วนตัวต่าง ๆ แต่ต้องค่อย ๆ ทำเพราะน้องหลอดเองมีอาการเหนื่อยง่าย และเมื่ออาการกำเริบแต่ละทีน่าสงสารมาก ไม่ได้สติรับรู้ใด ๆ ตัวซีด ต้องนำส่งโรงพยาบาล แต่เขาเองก็ไม่อยากอยู่โรงพยาบาลนาน ๆ เพราะห่วงย่ากลัวย่าไม่มีใครอยู่ด้วย กลัวย่าไม่ได้กินข้าว ทุกอย่างตอนนี้ทางญาติเองก็ทำตามกำลังอย่างเต็มที่ รักและห่วงเขาเพราะก็เป็นหลานคนนึง ส่วนลูก ๆ คนอื่นก็หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้บ้าง แต่เข้าใจทุกคนก็มีฐานะยากจน ไม่ได้ร่ำรวยอะไรหาเช้ากินค่ำก็ทำตามกำลังและเต็มความสามารถแล้ว
นายเจริญชัย อนุพนัน หรือน้องหลอด กล่าวว่า รู้แต่เพียงว่าพ่อแม่ทิ้งไปจำความได้ก็มีแต่ย่าที่ดูแล จนถึงตอนนี้อาการป่วยร่างกายที่ไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก ๆ ทำให้ใช้ชีวิตเช่นคนปกติไม่ได้ จะวิ่งเล่น จะไปเที่ยว ก็ลำบาก ส่วนใหญ่นอนอยู่แต่โรงพยาบาล มีย่า มีอา เป็นคนเฝ้าไข้ ตอนนี้ย่าแก่มากช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้ จะไปหาหมอทีก็ลำบาก จะทิ้งไปนอน โรงพยาบาลก็ห่วงย่า เลยต้องอยู่แบบนี้ ค่อยช่วยหยิบช่วยพยุง ป้อนข้าวป้อนน้ำย่าบ้าง
“รู้สึกน้อยใจในชีวิต แต่ก็ดีใจที่ในวันนี้ยังมีผู้ใหญ่หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ร่างกายไม่ปกติก็ขอให้พออยู่ได้จะรักษาให้หายขาดคงลำบากเงินก็ไม่มี ทั้งยังอ่านไม่ออกเขียนหนังสือไม่ได้ เพราะไม่เรียนหนังสือเหมือนคนอื่นๆ นอนโรงพยาบาลดีต้องรบกวนญาติพี่น้องไปเฝ้าไข้ ที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากก็ต้องทำใจไปในการรักษาตัว เพราะถ้าหากเข้าโรงพยาบาลแต่ละทีต้องนอนอยู่เป็นเดือน ย่าก็จะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน ไม่มีใครดูแล ยังไม่รู้ว่าจะไปทิศทางไหนแต่ต้องขอบคุณในความช่วยเหลือทุกอย่าง ทำให้มีความหวังบ้าง ทั้งเรื่องความเป็นอยู่และการรักษาตัว หวังว่าจากนี้คงจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ต้องขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ให้ความช่วยเหลือ ให้ความเมตตา ชีวิตนี้ยังไม่รู้ว่าจะอยู่ถึงวันไหน” น้องหลอดกล่าว