“จ๊ะจ๋า-จิณจุฑา” คนพิการต้นแบบ มุมานะสู่ความสำเร็จ

ด้วยเชื่อมาตลอดว่า “เราเป็นผู้กำหนดชีวิตตัวเอง” จึงทำให้เธอดั้นด้นมาถึงทุกวันนี้ได้ ในวันที่ “จิณจุฑา จุ่นวาที” หรือ “จ๊ะจ๋า” ผู้บกพร่องทางการเคลื่อนไหว สามารถฟันฝ่าข้อจำกัดทางร่างกาย คว้าปริญญาตรี สาขาวิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มาได้ และกำลังเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้

ปริญญาใบนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เกิดจากความพยายามจากตัวจ๊ะจ๋าเอง จากการสนับสนุนของแม่บุญธรรม “ขนิษฐา เมือบศรี” และการช่วยเหลือดูแลจากเพื่อนๆ รุ่นพี่ และอาจารย์

จ๊ะจ๋าเล่าด้วยน้ำเสียงสดใสว่า ตนป่วยเป็นโรคกระดูกเปราะตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้ต้องนั่งรถวิลแชร์ตั้งแต่ 10 ขวบ เพราะกระดูกสามารถหักหรืองอได้ง่าย ซึ่งเมื่อกระดูกงอ หรือเหล็กยึดกระดูกเคลื่อน เหล็กทะลุ ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัด ที่ผ่านมาเคยเข้ารับการผ่าตัดแล้ว 34 ครั้ง ซึ่งเรียกว่าแทบจะทุกปีที่เข้ารับการผ่าตัด แต่ถึงแม้จะมีข้อจำกัดทางร่างกาย ตนก็ชอบเข้าสังคม เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างคนปกติ ทำให้ตนเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่าง กิจกรรมเลิกดึกก็เลิกดึกด้วยกัน ส่งผลให้รู้จักคนเยอะ ซึ่งพอเวลาเกิดปัญหาทุกคนก็พร้อมจะมาช่วย โดยที่เขาเหล่านั้นไม่ได้มองแบบแบ่งแยกว่า เธอเป็นคนพิการ

“ตอนเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 เทอม 2 ต้องหยุดเรียนไป 1 ปี เพราะเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง ตอนนั้นทุกคนเกื้อหนุนจ๊ะจ๋ามาก อย่างอาจารย์ก็ให้อ่านหนังสือและไปคุมสอบถึงที่หอพัก ส่วนรุ่นพี่และเพื่อนๆ ก็เวียนกันมา เพื่อติวหนังสือให้และมาเฝ้าในวันที่แม่ไม่อยู่ อีกทั้งวิดีโอคอลการเรียนการสอนในชั้นเรียนให้ดูอีกด้วย”

Advertisement

 

รับโล่เกียรติคุณคนพิการต้นแบบจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
จ๊ะจ๋ากับแม่บุญธรรม

 

ด้วยโรคที่เป็นทำให้เธอนั่งเป็นเวลานานไม่ได้ เพราะจะมีการอาการปวด ยิ่งระยะหลังที่กระดูกสันหลังงอเป็นรูปตัว S เบียดอวัยวะอื่นจนทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เธอเริ่มหายใจไม่ออก และรู้สึกปวดตั้งแต่แรกนั่ง แต่เธอก็ให้กำลังใจตัวเอง โดยพูดกับตัวเองในใจว่า “เจ็บกว่านี้ ยากกว่านี้ก็เจอมาแล้ว” ซึ่งหากผ่านอุปสรรคนี้ไปได้เธอก็จะ “ขอบคุณตัวเอง” ส่วนหากวันไหนรู้สึกเหนื่อยท้อก็จะพูดกับตัวเองอีกเช่นกันว่า “เราทำได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ยกเว้นการเดิน ก็ทำให้ฮึดขึ้นมา”

จ๊ะจ๋าเล่าอีกว่า เชื่อว่าลึกๆ คนพิการก็อยากออกมา แต่บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานครอบครัวและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ที่บางครอบครัวอาจไม่เข้าใจว่าลูกพิการก็สามารถทำอะไรได้ สามารถออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้ เวลาไปโรงพยาบาลจะเจอน้องๆ พิการ แม่ก็จะไปพูดคุยกับพ่อแม่ที่มีลูกพิการ ให้เขาเชื่อว่าลูกเขาก็สามารถทำอะไรได้ เพียงแต่ว่าเราจะเชื่อมั่นแค่ไหน โดยอย่าไปเทียบว่าต้องทำอะไรได้เหมือนใคร แต่เขาทำได้ในขีดจำกัดของเขาก็พอ

เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นว่าคนพิการก็เรียนได้ อย่างที่แม่บุญธรรมของเธอเชื่อในสิ่งนั้นมาตลอด จึงพยายามหาเงินส่งเสียให้เรียนปกติ เรียนกวดวิชาตั้งแต่เด็กๆ แม้จะไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร

“การศึกษาเป็นพื้นฐานของชีวิต คิดว่าคนทุกคนควรต้องมีความรู้ ไม่ว่าจะพิการหรือปกติ เพราะความรู้เป็นพื้นฐานในการรับผิดชอบตัวเอง หากเราไม่มีความรู้จะมีพื้นฐานไปอยู่ในสังคมอย่างไร อาจถูกชักจูงไปในทางที่ผิดได้ง่าย ส่วนที่ดิฉันพยายามเรียนให้ถึงปริญญาตรี ส่วนหนึ่งเพราะแม่อยากให้เรียนสูงๆ ขณะที่จ๊ะจ๋าก็มีความสุขกับการเรียน และผลพลอยจากการเรียน นอกจากความรู้ที่ได้คือ การได้เข้าสังคม”

นอกจากนี้ เธอยังมีในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นแบบอย่างด้านความอดทน

“จ๊ะจ๋าดูในหลวง ร.9 เป็นแบบอย่าง พระองค์ทรงมีความอดทนมากในการทรงงานที่ยิ่งใหญ่เพื่อประชาชน ทั้งที่ทรงไม่ทำก็ได้ ตรงนี้ก็กลับมาคิดว่าแล้วทำไมเราจะอดทนทำเพื่อตัวเองไม่ได้ เหล่านี้ทำให้ดิฉันเรียนจนจบ และขณะนี้มีกำลังพอจะซื้อบ้านให้แม่อยู่ได้ตามความฝัน ซึ่งเพิ่งวางเงินจองบ้านในโครงการบ้านมั่นคง ที่คลอง 6 อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี และผ่อนด้วยตัวเอง” จ๊ะจ๋าเล่าด้วยน้ำเสียงมีพลัง

ล่าสุด สาวหัวใจแกร่งคนนี้ได้รับการทาบทามให้ไปทำงานที่หน่วยงานในสังกัดกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ คลอง 5 อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ใกล้หอพักเธอ ขณะเดียวกันก็ได้รับการทาบทามให้เป็นพิธีกรหลักในรายการที่เกี่ยวกับคนพิการ ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ซึ่งกำลังเสนอโครงการให้รัฐบาลพิจารณา

ต้นแบบของคนที่ไม่ยอดแพ้ในชะตาชีวิต

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image