เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงาน บรรยากาศ ที่ลานหน้าพระบรมราชนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ต.ไม้เค็ด อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี สถานที่ตั้งพระเมรุมาศจำลองและจิตกาธาน ที่จัดเตรียมถวายดอกไม้จันทน์ในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่จัดเตรียมไว้ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้
พบว่า จ.ปราจีนบุรีได้จัดเตรียมพระเมรุมาศพร้อมแล้ว เหลือตกแต่งไฟ-ปรับสภาพภูมิทัศน์อีกเล็กน้อย โดยเน้นการนำต้นดอกดาวเรืองที่กำลังชูช่อเหลืองอร่ามนับ 10,000 ต้น มาตกแต่งเป็นสัญลักษณ์ อันโดดเด่นในพระราชกรณียกิจ ของพระองค์ท่านที่พสกนิกรชาวปราจีนบุรีต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
โดยจัดประดับด้านหน้าพระเมรุมาศ นำต้นดาวเรือง ประดับ -ตกแต่งเป็น รูปสัญลักษณ์ของโครงการ อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา (อ่างเก็บน้ำห้วยโสมง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี จัดทำเป็นรูปใบดอกปีบผสานรูปหยดน้ำ ซึ่งเป็นความหมายตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ความตอนหนึ่งว่า “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงให้ความสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ มากกว่าโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริประเภทอื่น
ด้านข้าง ตกแต่งด้วยต้นดอกดาวเรือง และไม้ดอกไม้ประดับอื่น ๆ เป็นโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ ต.บางแตน อ.บ้านสร้าง อัน เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงใช้ที่ดินและ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดทำ พัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับประชาชน ได้นำ ไปปฏิบัติตาม สนับสนุนเศรษฐกิจแบบพอเพียงให้ประชาชนได้อยู่อย่างพอมีพอกิน ไม่เดือดร้อน
โดยเฉพาะชาวนา ที่ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพรปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือการที่ พระองค์ท่านได้เคยเสด็จมาทรงเกี่ยวข้าวด้วยพระองค์เอง ในโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ ตำบลบางแตน เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2541 อันเป็นภาพที่พสกนิกร และข้าราชการในตำบลบางแตน ยังคงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เพราะการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนั้น นำความเจริญมาสู่ชีวิตของประชาชนในชุมชน โดยเฉพาะความรู้ ความเข้าใจที่จะพัฒนาการเกษตร เพราะส่วนใหญ่ในพื้นที่ทำอาชีพเกษตรกรรม
พบว่ามีประชาชนจำนวนมากมาถ่ายรูปกับพระเมรุมาศจำลองและจิตกาธานโดยตลอด โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุย-สอบถามจากนางณัฐณี เพ็ญสกุล อายุ 79 ปีเลขที่ 64 ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรีกล่าวว่า “เป็นแม่บ้าน และเป็น อสม.ของชุมชนด้วย เดินทางมาชมความงดงามของเมรุมาศจำลอง พบว่าสวยงามสมพระเกียรติ ที่ผ่านมาได้นำแนวพระราชดำริของพ่อหลวงมาใช้ในครอบครัวและชีวิตประจำวันคือ การประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย และใช้หลักเหตุ – ผลในการอยู่ร่วมกับครอบครัว และสังคม ” นางณัฐณีกล่าว
ด้านนางปวริสา หลักชัย อายุ 49ปี ชาว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า “เดินทางพร้อมเพื่อน 3 คน มาดูความพร้อมพระเมรุมาศจำลอง เห็นแล้วสวยงาม ในวันพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อยู่ที่ อ.กบินทร์บุรีเนื่องจากเป็นจิตอาสา คอยช่วยงานที่พื้นที่ อ.กบินทร์บุรี ที่ผ่านมานำแนวพระราชดำริมาใช้คือเรื่องหลักความพอเพียง ให้พอเพียงในชีวิต ในจิตใจ และมีเหตุมีผล และเป็นคนดี”นางปวริสา กล่าว
