เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ได้รับแจ้งเรื่องจากหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเกาะลิบง จ.ตรังแล้ว รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก อีกแง่หนึ่งก็คือเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ยังคงมีการล่าพะยูนกันอยู่ จะมาปฏิเสธว่าไม่มีคงไม่ได้แล้ว แต่ที่ทางกรมอุทยานออกมาพูดก่อนหน้านี้พูดในภาพรวมว่าสัตว์ชนิดนี้มีปริมาณลดลง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีพะยูนมากที่สุดในขณะนี้ คือ จ.ตรัง และกรมอุทยานเอง ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรงจะต้องมาพูดคุยวางแผนงานการอนุรักษ์ดูแลให้เข้มข้นมากกว่านี้
“วันที่ 25 ตุลาคมนี้ ผมหรือไม่ก็ท่านรองปิ่นสักก์ (สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานฯ) จะเดินทางไปยัง จ.ตรัง เพื่อร่วมหารือกันเรื่องนี้ จะเชิญชาวบ้านในพื้นที่และเครือข่ายนักอนุรักษ์ร่วมประชุมด้วย กลุ่มรักอนุรักษ์และชาวบ้านที่รู้เบาะแสการกระทำผิดกฎหมายล่า การล่าพะยูนต้องให้ข้อมูล เบาะแสกับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เข้าไปดำเนินการเรื่องนี้ด้วย กรมอุทยานฯยินดีรับฟังและให้ความช่วยเหลือเต็มที่ในการดำเนินการเรื่องนี้” นายธัญญากล่าว
เมื่อถามเรื่องที่นักอนุรักษ์ และชาวบ้านในพื้นที่เกาะลิบงออกมาบอกว่า เรื่องนี้เป็นการจัดฉากของกรมอุทยานฯ ที่ทำให้เห็นว่า มีการล่าพะยูนจริง นายธัญญากล่าวว่า คิดแบบนั้นถือว่าแย่มากๆ กรมอุทยานฯจะไปทำอย่างนั้นทำไม ในเมื่อหน้าที่ของกรมอุทยานฯ คือการทำงานอนุรักษ์ อย่าโทษกันไปมา ซึ่งผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น คนที่จะได้รับคือทาง จ.ตรัง และชาวบ้านในพื้นที่ เกาะลิบงเอง ชาวบ้านจะมีอาชีพ จากการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นำนักท่องเที่ยวไปชมพะยูน ถามว่ากรมอุทยานฯจะได้อะไรจากการจัดฉากล่าพะยูน
“ผมไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจะมีใครคิดแบบนี้ ใครคิดใครพูดแบบนี้ ก็ไม่ต้องมาคุยกับกรมอุทยานฯเลย ตอนได้รับรายงานเรื่องนี้ ผมยังสั่งการหัวหน้าเขตห้ามล่าลิบงเลยว่า ให้หัวหน้าเขตห้ามล่าไปคุยกับชาวบ้านและกลุ่มอนุรักษ์ในพื้นที่ทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้ดี อย่าให้กรมอุทยานฯต้องกลายเป็นเหยื่อการเมืองในพื้นที่ กรมอุทยานฯทำงานอนุรักษ์ และดูแลไม่ให้ใครทำผิดกฏหมายเรื่องสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์เท่านั้น” นายธัญญากล่าว
