เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 23 ตุลาคม ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.)สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รักษาราชการแทนจเรตำรวจแห่งชาติ(รรท.จตช.). เป็นประธานการประชุมทางไกลผ่านจอภาพวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ พร้อมด้วย พล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา รรท.รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษก ตร. และ พล.ต.ท. ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รรท.ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. สั่งการและกำชับไปยังหน่วยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในห้วงพระราชพิธี ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัด ตร. และหน่วยราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเข้าร่วมการประชุม
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจมีความพร้อมทั้งหมดแล้ว โดยทางตำรวจจะมีการประสานบูรณาการกำลังร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)จังหวัด และเจ้าหน้าที่ทหาร โดยเน้นการอำนวยความสะดวก และดูแลรักษาความปลอดภัยพระเมรุมาศจำลอง จุดประกอบพระราชพิธี จุดวางดอกไม้จันทน์ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธี รวมถึงด้านการจราจรและการสืบสวนหาข่าว โดยในการสืบสวนหาการข่าวกลุ่มคนที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุ แต่ได้มีการเฝ้าระวังเฝ้าติดตามกลุ่มคนที่อาจจะเคลื่อนไหวไว้แล้ว ส่วนด้านการจราจร ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคมนี้ จะปิดไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าออกในบริเวณท้องสนามหลวง เนื่องจากจะมีการตรวจสอบพื้นที่ โดยหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดจะเข้าสแกนพื้นที่ทั้งหมด และจะเปิดให้ประชาชนเข้าพื้นทีโดยผ่านจุดคัดกรองอีกครั้งในวันที่ 25 ตุลาคม ทั้งนี้ สำหรับพื้นที่ท้องสนามหลวงจะสามารถรองรับประชาชนได้ 85,000 คน ส่วนที่เหลือให้กระจายอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนที่จะเดินทางเข้าไปยังงานพระราชพิธี ให้แต่งกายสุภาพ ปฏิบัติตามข้อแนะนำของเจ้าหน้าที่ หรือหากมีข้อสงสัยให้ตรวจสอบข้อมูลได้ผ่านแอพพลิเคชั่น ZON ทำดีเพื่อพ่อ หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร 1599
ด้าน พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า ในช่วงงานพระราชพิธี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการตรวจตรา และ เฝ้าระวังป้องกันการฉวยโอกาสเก็บเงินค่าจอดรถรอบพื้นที่ใกล้เคียงสนามหลวง ซึ่งประชาชนท่านใดพบเห็นการเรียกเก็บเงินในพื้นที่ส่วนราชการ หรือ เอกชน ถ่ายคลิป เพื่อนำมาแจ้งความดำเนินคดีได้ ซึ่งบุคคลที่มีพฤติกรรมดังกล่าว จะมีโทษตามกฎหมายในความผิดฐาน กรรโชกทรัพย์ ซึ่งมีโทษทางอาญา
