“เรืองไกร” จวก สนช.ชี้นำสกัด ”พิศิษฐ์” ย้อนถาม ”สมชาย” ใครแน่ไม่รู้จักพอ นั่งเก้าอี้ลากตั้ง 10 กว่าปี แถมยังลุ้น ส.ว.ต่ออีก
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวถึงข้อถกเถียงถึงคุณสมบัติการลงสมัครรับการสรรหาเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ว่า ตามคำสั่ง คสช.ที่ 71/2557 นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ยังมีสิทธิลงสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินได้อีกหนึ่งสมัย และเห็นด้วยกับนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคม องค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ระบุว่า มาตรา 108 ของกฎหมายลูกว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีการปรับแก้จากร่างกฎหมายที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอ ก่อนจะมีมติเห็นชอบในวาระที่ 3 นั้นเป็นการเลือกปฏิบัติ ต้องการสกัดคนบางคนอย่างชัดเจน เนื่องจากมาตราดังกล่าวจะมีผลกับคนไม่กี่คนเท่านั้น
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า หากนายพิศิษฐ์ได้รับการสรรหาจากคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ให้เป็นผู้ว่าการอีกสมัย แล้วหลังจากนั้นมีการประกาศใช้กฎหมายลูกว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน นายพิศิษฐ์ก็จะไม่หลุดจากตำแหน่ง แต่คงเป็นเรื่องยาก เพราะเมื่อ คตง.สรรหามาแล้ว ต้องผ่านความเห็นชอบจาก สนช. ที่ขณะนี้มีสมาชิก สนช.หลายราย ให้ความเห็นชี้นำว่านายพิศิษฐ์ขัดคุณสมบัติ ดังนั้น การพิจารณาเห็นชอบผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในวันข้างหน้า สมาชิก สนช. เช่น นายสมชาย แสวงการ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ที่คอยให้ข่าวชี้นำ ควรถอนตัวจากการลงมติ เพราะถือว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ส่วนจะไปถึงขั้นจงใจใช้อำนาจขัดต่อกฎหมายหรือไม่นั้น ขอพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
“ส่วนที่นายสมชายขอให้นายพิศิษฐ์รู้จักพอนั้น ก็ต้องถามว่า ใครกันแน่ที่ไม่รู้จักพอ นายสมชายเป็น สนช.เมื่อครั้ง คมช.รัฐประหารปี 2549 ต่อด้วยการเป็น ส.ว.สรรหารุ่นเดียวกับผมครึ่งวาระ 3 ปี แล้วได้รับการสรรหาเป็น ส.ว.ต่ออีกหนึ่งสมัย 6 ปี พอ คสช.รัฐประหารเมื่อปี 2557 ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น สนช.อยู่มาแล้วราว 3 ปีเศษ และภายหลังปี 61 ที่จะต้องมีการเลือกตั้ง นายสมชายก็ลุ้นเป็น ส.ว.ลากตั้งวาระ 5 ปีอีก รวมแล้วนายสมชายจะถูกลากตั้งทั้งหมด 10 กว่าปี ผมว่านายสมชายหนักกว่านายพิศิษฐ์อีก” นายเรืองไกรกล่าว
