ร.10 โปรดเกล้าฯเพิ่มพื้นที่ 5 จุดให้ปชช.ชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ศูนย์สื่อมวลชน หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (กอร.พระราชพิธีฯ) จัดแถลงข่าวเรื่อง สรุปภาพรวมผลการปฏิบัติการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ปัญหา อุปสรรค และแนวทางการปฏิบัติสำหรับวันที่ 26 ตุลาคม 2560

พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยจากการทอดพระเนตรว่า พื้นที่บริเวณด้านหน้ากำแพงพระบรมมหาราชวังยังว่างอยู่ ในขณะที่มีประชาชนมาชมริ้วขบวนเป็นจำนวนมาก จึงทรงมีพระบรมราชานุญาตให้จัดพื้นที่ดังกล่าวให้ประชาชนสามารถนั่งชมริ้วขบวนได้ จึงมีการเปิดให้ประชาชนนั่งรอบบริเวณกำแพงพระบรมมหาราชวัง 3 ด้าน รวมถึงด้านทิศเหนือของมณฑลพิธีสนามหลวง และบริเวณนอกเขตราชวัติมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมากที่สุด ซึ่งขณะนี้พบว่ามีพื้นที่เพิ่มเติมอีก 9,420 ตร.ม. หรือสามารถรองรับประชาชนได้ 18,840 คน จากเดิมรองรับได้ 171,027 คน

พล.ต.อ.เดชณรงค์ยังกล่าวเสริมอีกว่า สำหรับเวลา 22.00 น. ของวันที่ 24 ตุลาคมนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะเคลียร์คนออกจากพื้นที่โดยรอบให้ไปอยู่นอกจุดคัดกรอง เพื่อตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยต่างๆ จากนั้น จะเปิดให้ประชาชนเข้าจุดคัดกรองได้ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป และให้ปักหลักอยู่ยาวจนจบพระราชพิธี

Advertisement

**เปิดท่าเรือ 3 เส้นทางอำนวยความสำดวกปชช.

พล.ต.ท.วิทยา ประยงพันธุ์ รักษาราชการแทนที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า ตามที่ได้ประกาศปิดการจราจรทางน้ำและงดใช้ท่าเรือบางแห่งตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคมนั้น คณะทำงานด้านการจัดการจราจรได้พิจารณาเปิดการจราจรทางน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนให้สะดวกยิ่งขึ้น ใน 3 เส้นทาง ตั้งแต่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าถึงสะพานพระพุทธยอดฟ้า ได้แก่ ลงเรือข้ามฟากจากท่าวังหลังข้ามมายังท่าเรือสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อเข้าสู่จุดคัดกรองใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า หรือทิศเหนือของท้องสนามหลวงได้สะดวก 2.จากท่าเรือวัดอรุณฯ ข้ามฟากมายังท่าเรือราชินีและท่าเรือยอดพิมาน เพื่อเข้ามายังถนนมหาราชบริเวณ สน.พระราชวังซึ่งมีระยะทางเดินเท้าไม่ไกล และ3.เปิดท่าเรือท่าช้าง สำหรับเรือด่วนเจ้าพระยาที่จะจอดรับส่งผู้โดยสาร ซึ่งทั้งหมดจะให้บริการจนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 25 ตุลาคม ก่อนจะปิด

**ปิดการจราจาร 3 ระดับ

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ภายหลังการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการปิดการจราจรระดับที่ 1 ใน 18 เส้นทาง และระดับที่ 2 ใน 27 เส้นทาง พบภาพรวมว่าไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนแต่อย่างไร อีกทั้งพบว่าประชาชนเข้าใจ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการปิดการจราจรในระดับที่ 3 ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 26 ตุลาคม เป็นต้นไป ใน 42 เส้นทาง ได้แก่ ฉะนั้น ฝากประชาชนอย่านำรถส่วนตัวเดินทางเข้ามา แต่ให้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงรถชัตเติลบัส ซึ่งจะดูแลประชาชนตลอดงานพระราชพิธีจะเสร็จสิ้น

**ห้ามใช้เคสมือถือสีฉูดฉาด

ด้านนายพรพิทักษ์ แม้นศิริ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงแนวทางปฏิบัติของประชาชนและสื่อมวลชนในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ว่า สำหรับความเรียบร้อยของประชาชนในการซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ภาพรวมประชาชนมีความเข้าใจในกฎระเบียบมากขึ้น แต่สิ่งที่พบคือ เคสโทรศัพท์มือถือของประชาชนบางส่วน โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นสีฉูดฉาด เช่น สีชมพู สีแดง ฯลฯ ส่วนนี้ขอความร่วมมือประชาชนให้ถอดออก เพราะดูไม่เหมาะสม และแตกต่างจากประชาชนผู้อื่น ในส่วนของความเป็นระเบียบในการก้มกราบริ้วขบวนนั้น ยังไม่พร้อมเพรียงก็จะจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม 50 คนประจำตามอัฒจันทร์ให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่ เพื่อให้คำแนะนำและชี้แจงเรื่องการวางตัวและกิริยาต่างๆ เช่น เวลาหุบร่ม เวลาก้มกราบ ฯลฯ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องสุขา จุดบริการพยาบาล ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ด้วย

นายพรพิทักษ์กล่าวอีกว่า สำหรับไม้ถ่ายรูปเซลฟี่และกล้องหรือเลนส์ชนิดซูมของประชาชน ไม่อนุญาตให้นำเข้ามาในพื้นที่ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความรำคาญและรบกวนต่อบุคคลรอบข้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรองจะไม่รับฝากสิ่งของใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการภาพถ่ายระยะใกล้ จะมีภาพส่วนกลางให้ประชาชนสามารถดาวน์โหลดได้ใน www.kingrama9.com โดยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1441 ปัจจุบันพบว่ามีประชาชนใช้บริการวันละ 1,400-2,500 คน หรือแอพลิเคชั่นไลน์ @hotline1441 ซึ่งมีสมาชิกแล้วกว่า 35,000 คน

“ทั้งนี้ ได้รับแจ้งเป็นการด่วนจาก กอร.ราชพิธีว่า ซุ้มประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 บริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ยังคงเปิดให้ประชาชนนำดอกไม้และพวงมาลัยสักการะ และยังไม่มีคำสั่งให้ปิดการถวายดังกล่าว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการจากสำนักพระราชวัง” นายพรพิทักษ์กล่าว

**ประชาชนทยอยจับจองที่พักค้างของกทม.

นายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้ช่วยปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงภาพรวมผลการปฏิบัติการอำนวยความสะดวกและการดูแลประชาชนระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม ว่า กทม.ได้จัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้บริการประชาชนตามพระเมรุมาศจำลองและซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ทั้งหมด 113 แห่ง รวมถึงตามวัดและโรงเรียนในพื้นที่ 50 เขต รวมมากกว่า 6.5 ล้านชุดต่อวัน คาดว่าจะเพียงพอต่อพสกนิกรที่จะเดินทางมาร่วมพระราชพิธี ในส่วนของรถสุขารวม 70 คัน และตู้สุขาเคลื่อนที่ 150 ตู้ จะกระจายอยู่รอบพื้นที่ โดยจะมีประชาชนจิตอาสาและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมดูแลความสะอาดอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในส่วนของสถานที่รองรับประชาชน กทม.ได้จัดเตรียมพื้นที่ในกรุงเทพฯ จำนวน 164 แห่ง สามารถรองรับประชาชนได้วันละ 27,210 คน ประกอบด้วย 1.อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชน กทม.ไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง วันละ 600 คน 2.ศูนย์เยาวชนบางขุนเทียน วันละ 100 คน 3.บ้านอิ่มใจ บริเวณแยกแม้นศรี วันละ 60 คน 4.สถานที่พักสำหรับพระสงฆ์ 2 แห่งในพื้นที่ห้วยขวาง คือ โรงเรียนพระราม 9 กาญจนาภิเษกและวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก 5.ศูนย์กีฬาบางขุนเทียน สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6.สถานศึกษาและวัดในพื้นที่กรุงเทพฯ 158 แห่ง รองรับได้วันละ 26,450 คน ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสงค์เข้าพักสามารถติดต่อโดยตรง พร้อมนำบัตรประชาชนติดตัวมาด้วย และสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ www.prbangkok.com หรือสายด่วน กทม.โทร 1555 ตลอด 24 ชั่วโมง

“ขณะนี้ มีประชาชนสนใจและเดินทางเข้ามาติดต่อจองพื้นที่ละแวกใกล้เคียงเกือบเต็มทั้งหมดแล้ว เช่น วัดสุทัศน์ฯ เป็นต้น โดยขอความร่วมมือประชาชนที่ต้องการพักค้างยังสถานที่ กทม.จัดไว้ ให้เตรียมของใช้จำเป็นและถุงนอนมาด้วย” นายเกรียงไกรกล่าว และว่า ปัจจุบัน กทม.มีความพร้อมในทุกด้านในการอำนวยความสะดวกประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมพระราชพิธี ได้แก่ การให้บริการรถไฟฟ้าฟรีช่วงส่วนต่อขยาย เรือโดยสารของ กทม. รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) ดอกไม้จันทน์บริการประชาชนตามจุดรวม 16 ล้านดอก จอแอลซีดีและโทรทัศน์เพื่อถ่ายทอดสดจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย มาตรการความรักษาความปลอดภัยด้วยการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) เพิ่มเติม 1,177 ตัว และรอบพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 53,000 ตัวด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image