ปักหลักรอแล้ว! พสกนิกรจับจองพื้นที่ค้างคืนรอเข้าร่วมพระราชพิธี 26 ต.ค.

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 23 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าจุดคัดกรองแม่พระธรณีบีบมวยผม พบว่ามีประชาชนทยอยมาปักหลักค้างคืนหน้าจุดคัดกรองเป็นจำนวนมาก บริเวณทางเท้าถนนราชินีฝั่งติดคลองหลอดวัดเทพธิดาราม ตั้งแต่หัวสะพานที่ข้ามไปยังจุดคัดกรองยาวเรื่อยไปถึงแยกสะพานช้างโรงสี และเริ่มยาวออกไปถึงแยกสะพานมอญ

โดยประชาชนต่างนำกระเป๋าเสื้อผ้า ยารักษาโรค อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและสื่อสารต่างๆ พกมาด้วย นั่งและนอนบนเสื่อพลาสติกในร่มเงาต้นไม้และกลางแจ้ง ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดตลอดทั้งวัน ทว่ากลับมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสต่อประชาชนที่เดินผ่านไปมาและประชาชนที่มาปักหลักด้วยกัน

Advertisement

นางสาวอติพร สิมศิริวงษ์ อายุ 46 ปี ชาวเขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ และนางสาวอรัญญา เจียววิจิตร อายุ 60 ปี ชาวเขตสายไหม กรุงเทพฯ เพิ่งรู้จักกันภายหลังมาปักหลักบริเวณหัวสะพานเหล็กหน้าจุดคัดกรองแม่พระธรณีบีบมวยผมเป็นกลุ่มแรกๆ กล่าวร่วมกันว่า พวกเรามาปักหลักรอร่วมงานพระราชพิธีเป็นกลุ่มแรก โดยในส่วนดิฉัน (อติพร) มาปักหลักตั้งแต่เวลา 14.00 น. ของวันที่ 22 ตุลาคม และส่วนดิฉัน (อรัญญา) มาตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 23 ตุลาคม เพราะอยากเป็นประชาชน 1 ใน 4 หมื่นที่ได้ชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ซึ่งเราก็หวังจะไปจับจองพื้นที่ที่มีทัศนียภาพดีที่สุดคือ ด้านหน้าเป็นพระเมรุมาศ ด้านหลังเป็นศาลฎีกา ด้านบนเป็นต้นมะขาม ซึ่งให้ความสวยงามชัดเจนในร่มเงาไม้ โดยที่มาก็ได้เตรียมเสื้อผ้า อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรคมาด้วย นอกนั้นก็พยายามดูแลสุขภาพตัวเอง ไปหาที่ร่มอยู่เวลาแดดจัดหรือฝนตก แล้วค่อยกลับมานั่งต่อ อาศัยอาบน้ำในห้องน้ำบริการครั้งละ 3 บาท และกินอาหารจากจิตอาสาที่นำมาแจกและเตรียมมา โดยพยายามดูแลสุขภาพให้สามารถปักหลักอยู่ได้ถึงวันที่ 27 ตุลาคม เพื่อชมริ้วขบวนที่ 4

“คำว่าประทับใจยังน้อยไปเมื่อพูดถึงในหลวง ร.9 เพราะต้องใช้คำว่าเราสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ เพราะ 70 ปีการครองราชย์ ทรงไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ได้พระราชทานโครงการ คำสอนต่างๆ ให้ลูกๆ ไปปฏิบัติใช้ ไม่ว่าจะเรื่องความพอเพียง ความอดทน และความลำบากของเราในวันนี้ยังเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความลำบากที่พระองค์ทรงงานเพื่อคนไทย” นางสาวอติพรและนางสาวอรัญญากล่าวร่วมกัน

อติพร-อรัญญา

ด้าน นางมณีรัตน์ เลาวเลิศ อายุ 60 ปี ชาวอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และนางสมควร อร่ามเจริญ อายุ 55 ปี ชาวอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี กล่าวร่วมกันด้วยสีหน้าโศกเศร้าว่า อยากมาร่วมส่งเสด็จ ในหลวง ร.9 สู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย เพราะพระองค์ทรงทำเพื่อแผ่นดินและพสกนิกรชาวไทยมามากแล้ว

Advertisement

ทั้งนี้ เมื่อเห็นว่ามีคนมาปักหลักรอเป็นเพื่อนมากมาย ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจ ที่ทุกคนมาด้วยความตั้งใจ ความรัก และศรัทธา ด้วยความรู้สึกที่เหมือนกันคือคิดถึงพระองค์ แม้ลึกๆ จะใจหายก็ตาม

ในขณะเดียวกันยังตั้งมั่นว่าจะปักหลักจนถึงวันที่ 27 ตุลาคม โดยไม่กังวลว่าจะได้ที่นั่งตรงไหน แต่ขอเพียงได้เป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีก็พอใจแล้ว

“เห็นเรามานั่งอย่างนี้ ก็มีมาถามว่าทำไมถึงรักพระองค์ รักแค่ไหน เราตอบไม่ได้ เพราะหาอะไรมาเปรียบเทียบคงไม่มี และรู้สึกภูมิใจที่เกิดในแผ่นดินไทย” นางมณีรัตน์และนางสมควรกล่าว

สมควร-มณีรัตน์

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image