ปภ.ประสาน 6 จังหวัด ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เฝ้าระวังผลกระทบเพิ่มการระบายน้ำ ผ่านเขื่อนเจ้าพระยา

(แฟ้มภาพ)นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาวะอากาศและปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทรัพยากรธรณี สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร พบว่า ปริมาณฝนกระจายตัวในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ทำให้ระดับน้ำในลุ่มน้ำปิง และลุ่มน้ำน่าน มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับมีฝนตกกระจายอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคกลาง ตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ในปริมาณไม่เกิน 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะยังคงการระบายน้ำในอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง จนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2560 ซึ่งปริมาณน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ประกอบกับอิทธิพลน้ำทะเลหนุนสูง ระหว่างวันที่ 23 – 27 ตุลาคม 2560 จะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 20 – 25 เซนติเมตร อาจทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกแนวคันกั้นน้ำ และพื้นที่ที่ประสบน้ำท่วมขัง

รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย 6 จังหวัดพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี เตรียมพร้อมรับมือผลกระทบจากปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น โดยประสานชลประทานจังหวัดติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ควบคุมการเปิด – ปิดการระบายน้ำให้สอดคล้องกับระดับการขึ้น-ลงของน้ำทะเล พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ วิเคราะห์แนวโน้มและปัจจัยเสี่ยงจากปริมาณน้ำท่าและปริมาณน้ำฝน รวมถึงปริมาณน้ำไหลผ่าน หากสถานการณ์มีแนวโน้มขยายวงกว้างให้จัดชุดเจ้าหน้าที่พร้อมวัสดุอุปกรณ์เครื่องจักรกล ด้านสาธารณภัยเตรียมพร้อมปฏิบัติการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที

อีกทั้งแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ให้จังหวัดสำรวจพื้นที่จุดเสี่ยงน้ำท่วมขังริมฝั่งแม่น้ำ และเสริมพนังกั้นน้ำให้มีความมั่นคงแข็งแรง รวมถึงระดมเครื่องสูบน้ำเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะด้านการดำรงชีพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image