“พะยูน” ถูกฆ่ามีเงื่อนงำ นักวิชาการชี้ กำแพงอนุรักษ์โดนทำลายแล้ว ผลผ่าพิสูจน์ตายก่อนชำแหละ

วันที่ 24 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง พบซากพะยูนที่บริเวณป่าโกงกาง ที่ปากคลองโต๊ะขุน หมู่ที่ 7 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง สภาพซากอวัยวะบางส่วน หายไป เช่น หัว กระดูก เนื้อ เหลือเฉพาะหนังและลำไส้

ผศ.อภิรักษ์ สงรักษ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง นักวิชาการด้านการอนุรักษ์พะยูน ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นในเฟชบุ๊คและกลุ่มไลน์ต่อเรื่องนี้ โดยสรุปว่า กรณีการพบซากพะยูนในพื้นที่เกาะลิบง เป็นข่าวที่น่าเศร้าใจที่สุด และเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า กระบวนการอนุรักษ์ได้ถูกทำลายกำแพงความสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วซากพะยูนที่พบได้โชว์หลักฐานการเอาเนื้อ กระดูก หัว และชิ้นส่วนสำคัญไปทั้งหมด เหลือร่องรอยที่ยืนยันว่าเป็นพะยูนอีกบางส่วน การพบซากพะยูนที่มีการแล่เนื้อและกระดูก จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีข่าวพะยูนร้อนแรงอยู่ จึงเป็นสิ่งผิดปกติในสายตา ทำให้เกิดหลายคำถามตามมา

ผศ. อภิรักษ์ ระบุอีกว่า วันนี้ไม่ว่าจะเป็นการเกิดขึ้นเพราะการล่าหรือการฆ่าเพื่อเจตนาใดๆ สำหรับกระบวนการอนุรักษ์ทรัพยากรพะยูนที่ จ.ตรัง ได้ ทำลาย การทำงานร่วมระหว่างภาคีเครือข่ายสำเร็จลงแล้ว ในฐานะเครือข่ายคนรักษาเล กลุ่มเล็กๆที่ร่วมทำงานกับทุกคนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการดูแลปกป้องทะเลตรัง ขออภัยที่เคยออกมาบอกว่าไม่มีขบวนการล่าที่ จ.ตรัง เพราะมันมีอยู่จริง

“ จากนี้ไปการอนุรักษ์ขอให้เป็นเรื่องรอง ขอให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายการคุ้มครองพะยูนโดยบังคับใช้กฎหมายโทษขั้นสูงสุด เหตุการณ์ครั้งนี้คงสร้างความรู้สึกเสียใจให้กับกลุ่มอนุรักษ์และคนตรัง ทุกท่านต้องทำใจยอมรับ แต่คงจะสร้างความยินดีปรีดาให้กับกลุ่มคนที่ทำเป็นอย่างสูง สุดท้ายตรังยังคงใช้พะยูนเป็นจำเลยในการเรียกร้อง เช่นที่หลายคนกล่าวไว้ไม่มีผิด” ผศ.อภิรักษ์ ระบุ

Advertisement

ผศ.อภิรักษ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มว่า มีคำถามดังๆไปว่า ขบวนการล่าพะยูนมีอยู่จริงใช่หรือไม่ ถ้ามีจริงแสดงว่าคนกลุ่มนี้ไม่เกรงกลัวกฎหมายใดๆเป็นการทำที่มีความจงใจบางอย่าง ถ้าไม่มีจริงแสดงว่ามีความตั้งใจสร้างเรื่องราวเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างที่ใช้พะยูนเป็นเครื่องมือ คำถามที่สองคือซากพะยูนตัวนี้ปรากฏหลักฐานว่ามีการผูกซากไว้กับต้นไม้ผูกเพื่ออะไร ให้คนอื่นมาเจอหลักฐานเพื่อเยาะเย้ยหรืออย่างไร เพื่อต้องการแสดงหลักฐานให้เห็นว่าพะยูนมีการถูกล่าใช่หรือไม่ คำถามที่สาม ถึงตอนนี้ชิ้นส่วนพะยูนที่หายอยู่ที่ไหน ถ้ามีการล่าเพื่อการซื้อขายจริง ตอนนี้ยังคงอยู่บนเกาะบ้านใครสักคนถ้าเรื่องนี้จริง ผมว่าคนอนุรักษ์ต้องรู้ ถ้าเป็นการสร้างเหตุการณ์เพื่อผลบางอย่าง จะถูกฝังอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ชิ้นส่วนพะยูนที่มากขนาดนั้นคิดว่าขบวนการนี้ไม่ได้ทำเพียงคนเดียว แต่ต้องเป็นทีมงาน

วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ทีมสัตวแพทย์จากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) นำโดยนายสัตวแพทย์หญิง(สพญ.)ชวัญญา เจียกวธัญญู และ สพญ.นัตติญา สังข์ศิริ ร่วมกันผ่าซากพะยูนที่เหลือเฉพาะส่วนหนัง และลำไส้ ผลการผ่าพิสูจน์ในเบื้องต้นไม่สามารถจะบอกอะไรได้มากนัก เนื่องจากซากพะยูนได้มาไม่ครบ ขาดส่วนหัว เนื้อ และกระดูก รวมทั้งตับ และหัวใจก็หายไปด้วย ประกอบซากเน่าแล้ว แต่พบว่าเป็นเพศเมีย ภายในกระเพาะอาหารมีอาหารและพยาธิเต็มกระเพาะ ไม่มีรอยช้ำในชั้นไขมันจากการถูกรัดด้วยเครื่องมือประมง ส่วนเชือกที่รัดอยู่บริเวณแขนนั้น เชื่อว่ามีคนนำเชือกมาคล้องรัดไว้ภายหลังจากที่พบซาก และตายมาก่อนจะถูกคนชำแหละ ทางทีมสัตว์แพทย์จึงได้เก็บชิ้นส่วนจากซากไปตรวจสอบต่อไป

Advertisement

 

ทางด้านนายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ให้สัมภาษณ์ ว่า การพบซากในลักษณะนี้ไม่เคยพบเจอมาก่อน เชื่อว่าเกิดจากฝีมือของขบวนการล่าพะยูน อาจจะเป็นฝีมือของประมงจากพื้นที่ใกล้เคียง ยืนยันเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการฆ่าพะยูนเพื่อจัดฉากอย่างแน่นอน โดยชาวบ้านเป็นคนไปพบซากพะยูนแล้วแจ้งมายังตน ตนก็แจ้งไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ จากนั้นตนจึงนำกำลังไปตรวจสอบ และนำซากกลับขึ้นฝั่ง มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อหาคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งตนก็ไม่ยอมเช่นเดียวกัน

ขณะที่นายอับดุลร่อเหม ขุนรักษา กำนัน ต.เกาะลิบง กล่าวว่า ตนเองก็ไม่เคยพบเจอซากในลักษณะนี้มาก่อน และยืนยันว่าไม่เกิดจากฝีมือของชาวบ้านบนเกาะลิบงอย่างแน่นอน แต่อาจเกิดจากฝีมือของชาวประมงพื้นที่จากพื้นที่ใกล้เคียง ที่เข้าไปหาปู ปลา ในพื้นที่ไปพบซากพะยูนตายลอยน้ำมา แล้วถือโอกาสชำแหละเอาชิ้นส่วนไปตามความเชื่อ ชาวเกาะลิบงไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าว เพราะชาวบ้านรักหวงแหนพะยูนมาก ร่วมกันดูแลรักษาคุ้มครองมาตลอด จึงเชื่อว่าคนจากต่างพื้นที่เข้ามาแล้วฉวยโอกาส เพราะตนเองก็ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีคนจากอำเภอใกล้เคียงเข้าไปหาปลา แล้วตัดเครื่องมือประมงของชาวบ้าน ซึ่งหลังจากนี้จะทำการเฝ้าระวังพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้น

ล่าสุดนายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ได้เรียกประชุมและส่งเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในจังหวัดรับไปดำเนินการในการสืบสวนหาข่าว เพื่อพิสูจน์ว่าในพื้นที่มีขบวนการล่าพะยูนจริงตามที่มีการให้ข่าวของกรมอุทยานฯหรือไม่ หากพบจะดำเนินการเอาผิดอย่างเฉียบขาด และจะต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่พบซากจะต้องแจ้งทางการ และร่วมกันอนุรักษ์ต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image