ปฏิบัติธรรมถวายพระราชกุศล (1) โดยวสิษฐ เดชกุญชร

ทีแรกผมตั้งใจว่าจะบวชถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จึงได้ไปติดต่อกับวัดญาณเวศกวัน จังหวัดนครปฐม และได้รับอนุญาตแล้วจากท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เจ้าอาวาส ผู้ซึ่งผมเคารพและถือเป็นพระอาจารย์รูปหนึ่ง กำหนดว่าจะบวชประมาณวันที่ 19 ตุลาคม ก่อนถวายพระเพลิงสัปดาห์หนึ่ง แต่ต่อมาปรากฏว่าท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ อาพาธ ไม่สามารถจะทำหน้าที่พระอุปัชฌาจารย์ได้ จะหาวัดใหม่ก็ไม่ทัน ผมจึงเปลี่ยนแผนเป็นปฏิบัติธรรมด้วยการถือศีลทำสมาธิถวายแทน

ผมตั้งใจจะทำเพียงสองคนกับภรรยา และจะขออาศัยใช้บ้านของเพื่อนคนหนึ่งในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ใกล้เขาใหญ่ เป็นที่ปฏิบัติธรรม ที่เลือกที่นั่นก็เพราะผมรู้ว่าบ้านของเขาสงบ เจ้าของบ้านก็เต็มใจ และเป็นนักปฏิบัติธรรมด้วย ผมวางแผนจะปฏิบัติธรรมตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมไปจนถึงวันถวายพระเพลิงแล้วจึงจะกลับ

แต่พอใกล้เวลากำหนดก็ปรากฏว่าเพื่อนที่ผมเคยแนะนำและสอนสมาธิให้อีกหลายคนสนใจอยากจะตามไปร่วมถือศีลทำสมาธิถวายเป็นพระราชกุศลด้วย เพื่อนเจ้าของบ้านจึงรับอาสาไปหาและได้ “บ้านภาวนา” ซึ่งอยู่ในอำเภอปากช่องเชิงเขาใหญ่เหมือนกัน เพื่อนบอกว่าบ้านภาวนานั้นตามปกติเป็นที่พักแบบโฮมสเตย์ (home-stay คือใช้บ้านเป็นที่ให้เช่าพัก) แต่สำหรับผู้ประสงค์จะปฏิบัติธรรม เจ้าของบ้านไม่คิดค่าเช่า แต่ยินดีให้พักโดยบริจาคตามอัธยาศัย ฟังแล้วถูกใจทันที ผมจึงตกลงใจให้เพื่อนช่วยติดต่อเจ้าของบ้านภาวนา

ผมเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปถึงบ้านภาวนาในตอนบ่ายวันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม การเดินทางไม่มีปัญหาอะไรเลย ใช้ถนนมิตรภาพ จากกรุงเทพฯ ผ่านสระบุรีไปจนถึงทางแยกต่างระดับที่อำเภอปากช่อง แล้วเลี้ยวตามถนนที่ไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 23 ก่อนเข้าด่านอุทยานจึงเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสาย นม.3052 ซึ่งเป็นถนนไปอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดปราจีนบุรี ประมาณ 16 กิโลเมตร ผ่านสนามกอลฟ์ ทอสคานา ที่สังเกตคือหอเอนใหญ่ จำลองจากหอเอนปิซาที่อิตาลี ตั้งอยู่ตระหง่านทางขวามือ เลยไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ถึงทางแยกแคบๆ ทางซ้ายมือ ตามทางแยกนั้นเข้าไปไม่ไกลก็ถึงบ้านภาวนา

Advertisement

คุณช่วงโชติและคุณวรณัน ทรงเจริญ เจ้าของบ้านคอยเราอยู่แล้วที่บ้านของท่าน ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวหลังใหญ่อยู่บนเขาลูกเตี้ยๆ และนำเราเข้าห้องพักเลย ห้องพักบนเชิงเขามีทั้งหมด 9 ห้อง แบ่งเป็นสองแถวสองระดับ ต้องเดินลงบันไดไปยังห้องซึ่งนอนได้ห้องละสองคน แต่ผมขอให้นอนห้องละคนเพื่อมิให้รบกวนกันขณะปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรมประจำวันผมกำหนดให้ทำอย่างง่ายๆ คือตื่นนอนแล้วทำวัตรเช้า และสมาธิจนถึงหกโมง เจ็ดโมงกินอาหารเช้า 9 นาฬิกาถึง 11 นาฬิกาทำสมาธิ แล้วกินอาหารกลางวันเป็นมื้อสุดท้ายสำหรับวันนั้น บ่ายสองโมงถึงห้าโมงทำสมาธิ หนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มทำวัตรเย็นและสมาธิ เป็นอันจบสำหรับวันนั้น นอกเวลาเป็นการพักผ่อนหรือทำสมาธิ หรือเดินจงกรม ตามอัธยาศัย

ปรากฏว่าการปฏิบัติธรรมเป็นไปโดยราบรื่นและ (สำหรับผม) ได้ผลเกินคาด ห้องที่ใช้เป็นห้องนั่งสมาธินั้นเป็นห้องพระขนาดไม่ใหญ่นัก มีเครื่องปรับอากาศ จุคนได้น่าจะไม่เกิน 20 คน มีเครื่องอุปกรณ์ครบครัน รวมทั้งจอภาพ สามารถถ่ายทอดและกระจายเสียงคำสอนของครูบาอาจารย์จากไอแพด (iPad) และแผ่นซีดีที่บันทึกคำสอนของพระอาจารย์หลายรูป และมีหนังสือธรรมะให้เลือกอ่านหลายสิบเล่ม คุณช่วงโชติเองและคุณวรณันเข้าไปร่วมทำสมาธิด้วย เว้นแต่เวลาที่ต้องออกไปเตรียมอาหารหรือน้ำดื่มให้เรา อาหารมีให้ทั้งที่เป็นมังสวิรัติและเนื้อสัตว์ (ไก่และปลา เพราะรู้ว่าผมไม่กินเนื้อวัวและเนื้อหมู)

2-3 วันแรกยังมีฝน บางวันตกหนักด้วย หลังฝนพื้นดินชื้นแฉะ หอยทากตัวเล็กๆ ออกมาคลานยั้วเยี้ย โดยเฉพาะเวลากลางคืน ทำให้เราต้องระวังเวลาเดิน ถึงกระนั้นก็แลไม่เห็นและไปเหยียบเขาเข้าบ้าง 2-3 วันสุดท้ายฝนหยุดและอากาศเย็น เวลาทำสมาธิหรือนอนไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ ถูกใจคนขี้ร้อนหลายคน

ก่อนและหลังการทำสมาธิทุกครั้ง เราแผ่เมตตาให้ตัวเองและให้สัตว์ทั้งหลายเป็นประจำ เฉพาะเวลาค่ำหลังการทำวัตรเย็นและทำสมาธิซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับวันนั้น เราเจาะจงอุทิศส่วนบุญที่ได้ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image