“โค้ชเฮง” นายวิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับผลงานของทีมชาติไทยชุดใหญ่ในปีที่ผ่านมานั้น โดยรวมถือว่าโอเค มีพัฒนารูปแบบการเล่น ในส่วนของเกมรับนั้นเสียประตูน้อยลง ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ส่วนเรื่องที่ต้องปรับนั้นก็จำเป็นจะต้องใช้เวลา อย่างเช่นเรื่องของการเล่นเกมโต้กลับจบสกอร์ให้ได้ หรือการเพรสซิ่งสูง ก็ยังขาดๆ เกินๆ อยู่ อย่างไรก็ตามหากให้เวลากับ มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย จะสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้” นายวิทยากล่าว
โค้ชเฮง กล่าวต่อว่า ส่วนในปีหน้านั้น โปรแกรมของทีมชาติไทยจะน้อย ดังนั้นจะต้องใช้ฟีฟ่าเดย์ ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งตอนนี้แผนที่ทางราเยวัชมองเอาไว้ คือต้องรอดูการจับสลากฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ในเดือนธันวาคมก่อน โดยราเยวัชหวังที่จะนำทีมชาติไทยไปลงอุ่นเครื่องกับทีมเหล่านั้น ช่วยเป็นคู่ซ้อมให้
“สิ่งที่จะได้คือความหลากหลายในการเล่น สปีดการเล่น หรือระบบการเล่นต่างๆ ซึ่งถือว่าสำคัญอย่างมากสำหรับนักเตะไทย นอกจากนี้ควรนำผู้เล่นที่สามารถพัฒนาได้ หรือผู้เล่นอนาคตร่วมเดินทางไปด้วย ไม่ควรนำแต่ผู้เล่นหน้าเดิมๆ ไป เพื่อที่นักเตะเหล่านั้นจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในอนาคตได้” เฮงซังกล่าว
ขณะที่ในส่วนของทีมชาติชุดเยาวชนต่างๆ ที่บริษัท เอคโคโน่ เข้ามาเป็นผู้ดูแลนั้น ประธานเทคนิคลูกหนังไทย กล่าวว่า ยังค่อนข้างเป็นห่วงกับผู้เล่นชุดเยาวชน เนื่องจากว่าโค้ชในแต่ละชุดนั้นมุ่งหวังการสร้างทีมเพื่อลงเล่น โดยไม่ได้พัฒนาเรื่องของพื้นฐานการเล่นให้กับนักเตะไทย ทำให้การเล่นในหลายๆ ครั้งเกิดติดๆ ขัดๆ และนักกีฬายังแสดงสิ่งที่ได้เรียนรู้ออกมาไม่ถึง 20-30 เปอร์เซนต์เลยด้วยซ้ำ
“เอคโคโน่ จะเน้นเรื่องความมุ่งมั่น ความกระตือรือร้น แต่คุณภาพนักเตะยังไม่ได้ ทั้งเรื่องของเทคนิค เบสิก และความเร็ว ซึ่งประชุมล่าสุดก็มีการพูดคุยกัน ก็แนะนำว่าการฝึกแบบทีมเพลย์ หรือฝึกทั้งทีมมันทำได้ยาก เพราะเด็กจะตอบสนองได้น้อย การรับรู้หรือความฉลาดของผู้เล่นมันต่างกัน ดังนั้นควรเริ่มจากการฝึกกลุ่มเล็กๆ 2-3 คนก่อน และควรเน้นคุณภาพของผู้เล่น เบสิก เทคนิคต่างๆ สปีดเพลย์ เพราะไม่งั้นจะลำบากแน่นอน”
นายวิทยา กล่าวว่า จริงๆ แล้วรูปแบบการฝึกของเอคโคโน่นั้นดีมากๆ เพียงแต่จะต้องปรับการฝึกเล็กน้อย เน้นเรื่องเฉพาะตัว เจาะเด็กทีละกลุ่มเล็กๆ ไม่งั้นเด็กจะตอบสนองไม่ทัน ซึ่งตรงนี้พวกเขาเองก็ยอมรับว่ามีปัญหา และเห็นข้อผิดพลาดอยู่ ซึ่งตนก็ได้แนะนำไปว่าจะต้องทำอย่างไร
“จริงๆ แล้วเอคโคโน่ถูกดึงเข้ามาเพื่อวางระบบเยาวชน ไม่ใช่การเป็นโค้ชทีมชาติ ตอนนี้รอศูนย์ฝึกที่กำลังสร้างเสร็จเรียบร้อย ก็จะเข้าไปวางโครงสร้างให้กับทีมชาติไทย ก็จะอยู่จนครบสัญญา 3 ปีที่ได้ทำเอาไว้” ประธานเทคนิคลูกหนังไทยกล่าวปิดท้าย
