ปรับครม.-ไม่เสียของ

แฟ้มภาพ

ดูจากเก้าอี้ที่จำเป็นต้องปรับ ครม.

ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่ว่างลง จากการลาออกของ บิ๊กบี้Ž พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล

ไม่มีผลมากนักต่อการเสริมสร้าง เพิ่มความเชื่อมั่นในภาพรวม ให้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจปรับเล็ก ตำแหน่งต่อตำแหน่ง

Advertisement

การได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่ อาจช่วยให้การบริหารจัดการ แก้ปัญหาคั่งค้าง อาทิ จัดระเบียบแรงงานต่างด้าวก่อนบังคับใช้กฎหมายใหม่โทษแรง ที่มีเส้นตาย 31 ธันวาคม 2560 การแก้ปัญหาทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม (ไอยูยู) การค้ามนุษย์ ลุล่วงเท่านั้น

ภารกิจเหล่านี้ บางงานมิได้ดำเนินการเพียงลำพังด้วยซ้ำ หากแต่ต้องทำร่วมกับกระทรวง หรือหน่วยงานของรัฐอื่นๆ อย่างที่เรียกกันว่าบูรณาการ

ถ้าเข้า 1 ออก 1

Advertisement

การปรับ ครม.ไม่น่าตอบโจทย์การบ้าน-การเมือง

เว้นแต่จะฉกฉวยจังหวะ ยกเครื่อง จัดทัพ ครม.ใหม่

ปัญหาประเทศในวันนี้ก็รู้ๆ กันอยู่ วาระใหญ่ คือปมเศรษฐกิจปากท้อง ความเดือดร้อน จากราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ภัยพิบัติซ้ำเติม รายได้การค้าระหว่างประเทศ การขยายตัวทางเศรษฐกิจการลงทุน มีสัญญาณบวกฟื้นตัวก็จริง แต่เม็ดเงินไม่กระจายจุนเจือท้องถิ่น รากหญ้า คนส่วนใหญ่ของประเทศ เจ้าสัว ตระกูลธุรกิจยักษ์ใหญ่ไม่กี่แห่งเท่านั้นได้อานิสงส์

หากต้องการแก้ปัญหาให้ตรงจุด เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานยิ่งขึ้น ให้มีผลสัมฤทธิ์

กระทรวงเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ความเป็นอยู่ปากท้องชาวบ้านทั้งหลาย มองข้ามไม่ได้แน่นอน

จำเป็นต้องทบทวน ล้างไพ่ทุกๆ ตำแหน่ง

บางเก้าอี้ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์-แกนนำ กปปส.แฟนคลับตัวยง คสช.ชี้เป้าเอาไว้ อย่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือแม้กระทั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หากได้คนที่ทำงานเชิงรุกมากกว่ารูทีน รายได้จากท่องเที่ยวอาจขยายตัวก้าวกระโดดเป็นกอบเป็นกำมากกว่าที่เป็นอยู่ รัฐมนตรีคุมกระทรวงบิ๊กโปรเจ็กต์ โครงสร้างพื้นฐานสร้างงาน เพิ่มเงินในระบบ ไม่กล้าตัดสินใจ งานล่าช้า ก็ต้องนำมาพิจารณาด้วยว่าจะให้แสดงบทบาทต่อ หรือสลับปรับเปลี่ยน วางตัวให้ถูกคน ถูกงาน

เสนาบดีเหล่านี้ เป็นเพียงตัวอย่าง คนกุมบังเหียน ขับเคลื่อนแผนงาน นโยบาย บริหารจัดการแก้ปัญหาต่างๆ ที่มีผลกระทบ เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน

การทำงานที่ผ่านมาพิสูจน์ระดับหนึ่งแล้วว่า แก้ปัญหา-สนองตอบความต้องการประชาชนได้หรือไม่

ไม่เพียงขุนพล เจ้ากระทรวงเศรษฐกิจสายแข็ง

รัฐมนตรีชื่อกระฉ่อน กระทรวงความมั่นคง ซึ่งมีปัญหาพิการซ้ำซ้อน เช่นเดียวกับบางกระทรวงเศรษฐกิจ กล่าวคือนอกจากทำงาน เปรียบได้กับการเป็นปลัดกระทรวงคนที่ 2 แล้ว ยังแอบแฝงหาผลประโยชน์

ฝากผีฝากไข้มิได้ไม่พอ บริหารไม่โปร่งใสอีกต่างหาก

ฉะนั้นถ้าจะให้ดี การปรับ ครม.ครั้งนี้ต้องนำมากางดูให้หมด กระทรวงใดมีปัญหา ต้องปรับเปลี่ยน แก้ไข อย่าได้ปล่อยไว้

รัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้ง พยายามหลบเลี่ยงการปรับ ครม.

เนื่องจากรัฐบาลผสมมีข้อจำกัด ประกอบด้วยหลายพรรคการเมือง แม้แต่รัฐบาลพรรคเดียวก็มีปัญหา มุ้งเล็ก มุ้งใหญ่

การปรับ ครม.แต่ละครั้ง สุ่มเสี่ยงกระทบเสถียรภาพ เสียงสนับสนุนรัฐบาล รัฐบาลเลือกตั้งจึงค่อนข้างระมัดระวัง เป็นข้อเสีย จุดอ่อนอย่างหนึ่งในระบบบริหาร

ต่างจากรัฐบาล บิ๊กตู่Ž

รัฐบาลที่ไม่ต้องกลัวล้มคว่ำกลางสภา รัฐบาลทหารที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ประกาศตัวกล้าตัดสินใจทุกเรื่องบนพื้นฐานยึดประโยชน์ประชาชน แม้แต่เรื่องที่รัฐบาลเลือกตั้งกลัว ไม่กล้าแตะ ก็ตาม

การปรับ ครม.ครั้งนี้ จะเป็นเครื่องพิสูจน์

จะเรียกว่า เลือกข้างก็คงเกินไป ไม่ถึงขั้นนั้น

แต่เป็นเรื่องราวระหว่างการจัดการพี่ เพื่อน น้อง กับการบริหารจัดการงานแก้ปัญหาให้กับประชาชน

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image